กทม.เน้นย้ำ 50 เขต สนับสนุนการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ ด้วยความสุจริต เป็นกลางทางการเมือง
นายสุพจน์ หล้าจำศิล ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน (สปท.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการสนับสนุนจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานครว่า กรุงเทพมหานครได้กำชับเน้นย้ำให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัด กทม.วางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด โดยปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มีหนังสือแจ้งหัวหน้าหน่วยงานและส่วนราชการของกรุงเทพมหานครให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ (1) ให้ข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานครในสังกัดวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด และให้ใช้ความระมัดระวังในการไปร่วมกิจกรรมมวลชนต่าง ๆ ตลอดจนระมัดระวังในการใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใด ๆ อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ (2) ให้งดดำเนินการโครงการเกี่ยวกับการประชุม อบรม สัมมนา ทัศนศึกษาดูงาน ตลอดจนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมวลชนนับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นต้นไป จนเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ยกเว้นงานราชพิธี งานประเพณีสำคัญที่จัด เป็นประจำทุกปี หรือกิจกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากไม่ดำเนินการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ให้หน่วยงานและส่วนราชการพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม โดยให้หัวหน้าหน่วยงาน หรือหัวหน้าส่วนราชการควบคุมดูแลระมัดระวังอย่าให้มีการหาเสียงทางการเมือง หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด จนทำให้เสียความเป็นกลางทางการเมือง รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด
นอกจากนั้น สปท.ยังได้แจ้งสำนักงานเขต 50 สำนักงานเขต ให้จัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมและเพียงพอต่อจำนวนผู้ขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง รวมทั้งคำนึงถึงความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่ใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งไว้ให้พร้อม รวมทั้งให้สรรหาและแต่งตั้งบุคคล เพื่อเป็นคณะกรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง และคณะกรรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง โดย สปท.ได้จัดการประชุมซักซ้อมการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง และนอกเขตเลือกตั้งให้แก่ผู้อำนวยการเขต หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตสั่งราชการฝ่ายปกครอง หัวหน้าฝ่ายปกครอง หรือรักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานปกครอง ฝ่ายปกครอง ที่รับผิดชอบการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 28 เม.ย.66 ณ สำนักงานเขตบางกอกน้อย ขณะเดียวกันได้กำหนดให้จัดทำแผนการบริหารจัดการในการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งและนอกเขตเลือกตั้ง เพื่อให้การออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้ผู้ใช้ออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง พร้อมทั้งให้ประชาสัมพันธ์ในกรณีที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งตามที่ได้ขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งได้ จะไม่สามารถไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.66 ได้ จะต้องแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนได้ภายใน 7 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง หรือภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง เพื่อป้องกันการถูกจำกัดสิทธิตามกฎหมาย
กทม.เร่งติดตาม “พาน้องกลับมาเรียน” ป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษา
นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม.กล่าวถึงแนวทางการติดตามความต่อเนื่องทางศึกษาของเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.รวมถึงการป้องกันการเกิดปัญหาขาดแคลนครูผู้สอนในรายวิชาต่าง ๆ ว่า กรุงเทพมหานครและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ พิการ ด้อยโอกาส และการพัฒนาคุณภาพครู โรงเรียน เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมการคัดกรองความยากจน การจัดสรรงบประมาณแบบมีเงื่อนไข และระบบการติดตามของโรงเรียนสังกัด กทม.เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้การช่วยเหลือนักเรียนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ นักเรียนพิการ และด้อยโอกาส จากความร่วมมือดังกล่าว กทม.และ กสศ.ได้จัดทำโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข (ทุนเสมอภาค) ปีการศึกษา 2565 ซึ่งโรงเรียนสังกัด กทม.ได้เข้าร่วมโครงการและได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของนักเรียน เพื่อคัดกรองและนำเข้าข้อมูลการคัดกรองผ่านระบบคัดกรองทุนเสมอภาค รวมทั้งประเมินความยากจนด้วยวิธีการวัดรายได้ทางอ้อม (PMT) ที่พัฒนาขึ้นโดย กสศ.เพื่อช่วยเหลือนักเรียนเด็กวัยเรียน ส่งเสริมโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา รวมถึงป้องกันนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยมอบทุนต่อเนื่องให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ที่ยากจนและด้อยโอกาสทางการศึกษา
ส่วนความคืบหน้าการติดตามค้นหานักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาในช่วงปีการศึกษา 2564 – 2565 กทม.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการข้อมูลนักเรียนรายบุคคลในโรงเรียนสังกัด กทม.และคณะกรรมการจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลในโรงเรียนสังกัด กทม.ระดับกลุ่มเขต เพื่อจัดเก็บข้อมูลรายบุคคลและประสานเครือข่ายข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกสังกัด โดย สนศ.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ที่มีภาวะวิกฤตทางการศึกษา ตามโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษาและวางแนวทางให้โรงเรียนในสังกัด กทม.ดำเนินการตามโครงการส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา “พาน้องกลับมาเรียน” ดังนี้ (1) แต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีองค์ประกอบของคณะทำงานตามบริบทของสถานศึกษา (2) วิเคราะห์ ตรวจสอบข้อมูลผู้เรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาและออกกลางคันที่ได้รับแจ้งจากต้นสังกัด พร้อมกำหนดแผนและแนวทางการติดตามค้นหาผู้เรียนให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่บันทึกข้อตกลงความร่วมมือและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง (3) ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานต้นสังกัด ลงพื้นที่ติดตามค้นหาผู้เรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาและออกกลางคัน โดยใช้แอปพลิเคชัน “พาน้องกลับมาเรียน” และเว็บไซต์ https://dropout.edudev.in.th และ (4) ประสานหน่วยงานที่บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และภาคีเครือข่าย ตลอดจนประสานส่งต่อผู้เรียนให้เข้าสู่ระบบการศึกษาตามความต้องการของผู้เรียน หรือแนวทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ กทม.มีแนวทางการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงฯ เพื่อส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนสังกัด กทม. โดย สนศ.ได้พัฒนาระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีการจัดการศึกษา (BEMIS) เพื่อเป็นฐานข้อมูลโรงเรียนเชื่อมโยงฐานข้อมูลนักเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก เพื่อติดตามนักเรียนและให้ความช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง หรือหลุดออกจากระบบ รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนการช่วยเหลือผู้เรียนกลุ่มเสี่ยง หรือที่หลุดออกจากระบบการศึกษา เช่น กระทรงศึกษาธิการ (ศธ.) กสศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้น ยังได้สนับสนุนและจัดสรรทรัพยากร เพื่อช่วยเหลือผู้เรียนในสังกัด ป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ตามโครงการเรียนดี เรียนฟรี อย่างมีคุณภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.จำนวน 20 รายการ ตลอดจนสำรวจจำนวนอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 316 ราย เพื่อเตรียมพร้อมการบรรจุและแต่งตั้งฯ ทดแทนอัตราว่าง โดยการสอบแข่งขันและการสอบคัดเลือกกรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษในโครงการต่าง ๆ ของ กทม. อาทิ โครงการทุนเอราวัณ โครงการความร่วมมือการผลิตครูกรณีพิเศษฯ และโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ซึ่ง สนศ.ดำเนินการร่วมกับ ศธ. ตลอดจนตรวจสอบกรอบอัตรากำลัง ความต้องการครูตามวิชาเอก และวิเคราะห์จำนวนครูผู้สอนตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาเอก ซึ่งสามารถเรียกบรรจุและแต่งตั้งฯ ได้จากการสอบแข่งขันและสอบคัดเลือกข้างต้น คาดว่าจะไม่เกิดผลกระทบด้านการจัดการเรียนการสอนของในโรงเรียนสังกัดและไม่เกิดปัญหาขาดแคลนครูผู้สอนในรายวิชาต่าง ๆ