ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 24 เม.ย. น.ส.ญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยถนนข้าวสาร พร้อมผู้ค้าแผงลอยถนนข้าวสาร เข้าพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อชี้แจงรายละเอียดและ ส่งมอบข้อมูลหลักฐาน พร้อมนำพยานผู้ค้ามาชี้แจง กรณีถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินผู้ค้าบนถนนข้าวสาร รวมถึงร้องเรียนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร โดยนายชัชชาติลงมารับเรื่องด้วย ตัวเอง
นายชัชชาติกล่าวภายหลังการพูดคุยกับประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยถนนข้าวสารว่า ยินดีรับฟังทุกปัญหา และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยภายหลังได้รับฟังปัญหาแล้วจะมอบหมายให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ดูแลต่อไปว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่สำคัญขอให้พูดคุยกันด้วยเหตุผล ดูข้อมูล ให้รอบด้านจากทุกฝ่าย ขอให้เชื่อมั่นว่ารองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ นั้นเป็นกลางและทำงานด้วยความโปร่งใสมา โดยตลอด
ต่อมา นายชัชชาติกล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกทม. ถึงความคืบหน้ากรณี บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี ยื่นฟ้อง กทม. ครั้งที่ 2 กรณีไม่ชำระค่าจ้างให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2565 ว่า ได้รับรายงานว่าอัยการสูงสุดส่งข้อมูลคำให้การของ กทม.ต่อศาลปกครองกลางเรียบร้อยแล้ว ต้องรอศาล นัดพิจารณาคดี
ส่วนกรณีที่มีการยื่นเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของอดีตผู้บริหารกทม. และบีทีเอสซี รวม 13 คนนั้น อย่าไปคิดว่าการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความแตกหักระหว่างกทม. กับบีทีเอสซี เพราะเป็นการให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริง กทม.ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรลงไปเพื่อให้ศาลเห็นภาพรวม ได้ข้อมูลครบถ้วน ถ้ากทม.ไม่ยื่นอาจจะมีความผิดด้วยซ้ำ เพราะเป็นข้อมูลใหม่ ส่วนจะเป็นประโยชน์กับกทม.หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งในส่วนของข้าราชการกทม. ได้ติดตามความ คืบหน้าตลอด ส่วนบีทีเอสซี หากต้องการขอข้อมูลเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ทางกทม.ก็ยินดี ไม่มีการปิดกั้น
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 เม.ย. 2566