กทม.แจงออกบัตรชมพูให้คนต่างด้าวตามแนวทางบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
นางสาวอัญชนา บุญสุยา ผู้อำนวยการเขตบางรัก กทม.กล่าวกรณีตำรวจอนุมัติหมายจับคดีต่างด้าวถูกว่าจ้างถอนเงินจากธนาคาร พบหลักฐานบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) ออกโดยนายทะเบียนเขตบางรักว่า สำนักงานเขตฯ ได้รับการประสานจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ แจ้งให้ทราบถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้ตรวจสอบและดำเนินการตามระเบียบ หากพบว่าผิดระเบียบและกฎหมายที่กำหนด หรือเจ้าหน้าที่มีส่วนในความผิดนั้น จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทั้งด้านทะเบียน ด้านวินัย และด้านอาญาต่อไป
ทั้งนี้ การจัดทำ หรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ และบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) สำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต จะดำเนินการต่อเมื่อมีหนังสือสั่งการจากสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง โดยถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตทุกสำนักทะเบียนของกรุงเทพมหานคร รวมถึงสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตบางรัก จะมีหน้าที่จัดทำ หรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) โดยจะดำเนินการหลังจากแรงงานต่างด้าวผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว
นายสุพจน์ หล้าจำศิล ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน (สปท.) กทม.กล่าวว่า สปท.ได้ประสานส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน กรมการปกครอง เพื่อขอทราบข้อมูล (ชื่อตัว – ชื่อสกุล และเลขประจำตัวประชาชน) ของคนต่างด้าวชาวกัมพูชาทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ที่ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตบางรัก ในเบื้องต้นยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ปัจจุบันการจัดทำ หรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ และทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) สำหรับคนต่างด้าว 4 สัญชาติ (เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม) รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของต่างด้าวฯ เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ค.65 ซึ่งกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะแจ้งแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ให้จังหวัดและสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตของกรุงเทพมหานครถือปฏิบัติ
กทม.ติดไฟส่องสว่างเพิ่มบริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง พร้อมเปิดจราจร พ.ค.นี้
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวกรณีประชาชนขอให้ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง และแก้ไขแบริเออร์สีส้มด้านขวาที่ยื่นออกมา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนนว่า สนย.ได้ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง เรียบร้อยแล้ว ส่วนแบริเออร์สีส้มด้านขวาที่ยื่นออกมานั้น เป็นการกั้นแนวป้องกันอันตรายจากการทำงานบนสะพาน ซึ่งจะดำเนินการเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ส่วนในช่วงเวลากลางวันจะปรับแนวกลับเป็นปกติ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับการจราจร ปัจจุบันโครงการฯ อยู่ระหว่างเร่งรัดการก่อสร้างโครงสร้างสะพานส่วนบน เพื่อให้สามารถเปิดการจราจรได้ภายในเดือน พ.ค.66 โดย สนย.ได้กำกับดูแลให้ผู้รับจ้างดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
กทม.ประสาน กฟน.เร่งตรวจสอบสาเหตุ หาวิธีป้องกันบ่อพักสายไฟฟ้าใต้ดินระเบิด
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวกรณีเกิดเหตุฝาท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินระเบิดใส่รถยนต์ของประชาชนว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ฝาท่อดังกล่าวเป็นฝาบ่อในผิวจราจรของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในโครงการสายส่งไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว โดยขณะเกิดเหตุพบว่า มีค่าแรงดันเกิดขึ้นในบ่อพักสาย ซึ่งไม่กระทบต่อการจ่ายไฟฟ้า แต่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดแรงดันฝาบ่อกระเด็นออกมา โดยปกติก็มีแรงดันแต่ไม่ส่งผลให้เกิดแรงดันที่รุนแรงของฝาท่ออย่างในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สนย.ได้ประสาน กฟน.เร่งตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์และวิธีการแก้ไข พร้อมทั้งรายงานผลให้ กทม.ทราบ เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้อีก
เขตพระนครเพิ่มความถี่กวดขันจัดระเบียบผู้ค้าย่านบางลำพู ไม่ให้กีดขวางทางสัญจร
นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวกรณีประชาชนย่านบางลำพูขอให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันจัดระเบียบร้านค้าและผู้ค้าบนทางเท้าว่า สำนักงานเขตพระนครได้กำหนดแผนการปฏิบัติการจัดระเบียบผู้ค้าในย่านบางลำพู ประกอบด้วย ถนนไกรสีห์ ถนนตานี และถนนรามบุตรี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการทำการค้าในที่สาธารณะ พ.ศ.2563 โดยให้คำนึงถึงประชาชนต้องใช้ทางเท้าสะดวกและปลอดภัย ไม่กีดขวางทางที่ประชาชนสัญจรผ่าน กรณีพบการฝ่าฝืนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจดำเนินคดีกับผู้ค้าและเพิ่มความถี่การออกตรวจตรากวดขันอย่างต่อเนื่อง
เขตคลองเตยรุดตรวจสอบร้านน้ำแข็ง-สุราในซอยสุขุมวิท 8 ลักลอบเปิดขายโดยไม่มีใบอนุญาต
นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม.กล่าวว่า ตามที่มีประชาชนร้องเรียนร้านจำหน่ายน้ำแข็งและแอลกอฮอล์ในซอยสุขุมวิท 8 ลักลอบเปิดขาย หลังสั่งสำนักงานเขตฯ สั่งปิดกิจการไปเมื่อต้นเดือน มี.ค.66 เนื่องจากร้านดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตชุมชนพักอาศัยหนาแน่นห้ามตั้งศูนย์จำหน่าย (distribution) น้ำแข็งและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีกทั้งยังประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตว่า สำนักงานเขตฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 เม.ย.66 ไม่พบการสะสมน้ำแข็ง มีเพียงน้ำบรรจุขวดและน้ำอัดลมประมาณ 50 แพ็ก รวมถึงไม่พบคนงานก่อสร้างบริเวณอาคารที่ถูกระงับแต่อย่างใด
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 สำนักงานเขตฯ ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง การดัดแปลง การรื้อถอน หรือการเคลื่อนย้ายอาคาร ตามมาตรา 40 คำสั่งห้ามใช้ หรือเข้าไปในส่วนใด ๆ ของอาคาร และคำสั่งให้ยื่นคำขออนุญาต หรือดำเนินการแจ้ง หรือดำเนินการแก้ไข ตามมาตรา 41 พร้อมทั้งมีหนังสือถึงสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ลุมพินี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีผู้ประกอบกิจการสะสมน้ำแข็ง และพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้อง ณ ศาลแขวงพระโขนงใต้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 โดยศาลได้ตัดสินคดีโดยให้จำเลยเสียค่าปรับพินัย 6,000 บาท
ส่วนการดำเนินการ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 สำนักงานเขตฯ ได้มีคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ลงวันที่ 3 มี.ค.66 ห้ามประกอบกิจการสะสมน้ำแข็ง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและให้หามาตรการป้องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญที่จะส่งผลต่อผู้พักอาศัยข้างเคียง พร้อมทั้งมีหนังสือถึงผู้กำกับการ สน.ลุมพินี ขอให้ดำเนินคดีแก่ผู้ประกอบกิจการสะสมน้ำแข็งรายดังกล่าว ฐานประกอบกิจการสะสมน้ำแข็งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี