นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการบูรณาการการปลูกต้นไม้ล้านต้นของ กทม. และโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้ความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งสำนักงานเขตบางพลัดจัดขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสร้างกำแพงธรรมชาติกรองฝุ่น ตลอดจนต่อยอดการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาการลอบทิ้งขยะ ณ บริเวณที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ขาออก ช่วงเลยด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางพลัด ท้ายซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 (สกุลชัย 6) เขตบางพลัด กทม.
“กทม.ได้ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น ส่วน กฟผ.ได้ดำเนินโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม 1 ล้านไร่ ซึ่งเป็นเรื่องปลูกต้นไม้เหมือนกัน จึงมาร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง สำหรับพื้นที่บริเวณที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟสายใต้แห่งนี้ แต่เดิมเป็นกองขยะ เขตบางพลัดจึงได้พัฒนาเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ ซึ่งมองว่าในอนาคตควรปลูกเป็นแนวยาว ให้เป็นทางเดินออกกำลังกาย รวมถึงช่วยกรองฝุ่นต่างๆ ซึ่งเขตบางพลัดปลูกต้นไม้ยืนต้นมากถึง 40% และยังมีแนวคิดในการปลูกต้นไม้ยืนต้นให้มากขึ้น เช่น ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นเหลืองปรีดียาธร เพราะจะออกดอกสวยงาม ทั้งสีชมพูและสีเหลืองด้วย” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
น.ส.อารียา เพ็งประเสริฐ ผอ.เขตบางพลัด กล่าวเสริมว่า พื้นที่ว่างริมถนนทางเลียบรถไฟสายใต้ เขตบางพลัด ประสบปัญหาการลอบทิ้งขยะปริมาณมาก ก่อให้เกิดมลพิษทั้งกลิ่น ไฟไหม้ และขยะล้นออกมาบนผิวจราจร ที่ผ่านมาเขตจัดเก็บและขนย้ายขยะได้มากถึง 208 ตัน ในเดือน ก.พ.2566 ได้ปลูกต้นไม้ระยะที่ 1 จำนวน 748 ต้น ระยะทาง 300 เมตร ส่วนระยะที่ 2 ปลูกต้นไม้จำนวน 750 ต้น แบ่งเป็นต้นตะแบก 50 ต้น ต้นทองอุไร 200 ต้น และต้นชบา 500 ต้น ในระยะทาง 200 เมตร โดยวางเป้าหมายการปลูกต้นไม้ในอนาคต ที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟสายใต้แห่งนี้ เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อยอดสวนสวยหรือสวน 15 นาทีของเขต
ด้าน น.ส.นพวรรณ กาญจนะวรรณ รองผู้ว่าการบริหาร กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.มีโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม 1 ล้านไร่ ในพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายมุ่งสู่ EGAT Carbon Neutrality ในปี 2593 และเป็นยุทธศาสตร์สร้างความยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพลังงานที่มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ และดูดซับก๊าซคาร์บอน โดยวางหลักการปลูกป่า รวมงานดูแลบำรุงรักษาไว้ระหว่างปี 2565-2574 ช่วยดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่า 1.2 ล้านตันต่อปี และคาดว่าจะสามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้ทั้งสิ้นประมาณ 23.6 ล้านตัน ในช่วงตลอดระยะเวลาโครงการ ส่วนการที่ กฟผ.ได้ร่วมมือกับ กทม. และ รฟท. จะเป็นการช่วยให้ในเมืองมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น เพราะด้วยสภาพอากาศในปัจจุบัน หากไม่ช่วยกันดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน จะส่งผลให้การใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นในอนาคต
ในปี 2566 กฟผ.มีเป้าหมายปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมจำนวน 1 แสนไร่ รวมถึงบูรณาการปลูกป่าแบบวนเกษตรเพื่อคืนผืนป่า การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวทางศาสตร์พระราชา โดยได้รับการจัดสรรพื้นที่ที่พร้อมดำเนินการปลูกป่าบกจากกรมป่าไม้แล้ว ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 96,430 ไร่ และมีแผนบำรุงรักษาป่าที่ปลูกในปี 2565 จำนวน 97,103.2 ไร่.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 2 เม.ย. 2566