กทม.เตือนเลี่ยงทำกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนจัด ป้องกันภาวะฮีตสโตรก
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนในช่วงฤดูร้อนว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในขณะนี้อาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะโรคลมแดด หรือภาวะฮีตสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งประชาชนสามารถป้องกันตนเอง โดยหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือกลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ หากสามารถเลี่ยงได้ควรเลือกเวลาที่ทำกิจกรรมในช่วงเช้ามืด หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งควรดื่มน้ำให้มากเพียงพอ หากจำเป็นต้องออกไปกลางแจ้ง ควรมีอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หมวก ร่ม
ส่วนวิธีสังเกตอาการโรคลมแดด ขอให้ระวังหากเกิดอาการตัวร้อนจัด มีไข้สูงกว่า 40 – 41 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำมาก มีอาการโซเซ เป็นตะคริว รู้สึกเหนื่อย หายใจเร็ว ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง หรือเป็นลมหมดสติ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้นำผู้มีอาการเข้าที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าออก และใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ ข้อพับ ขาหนีบ ศีรษะ ร่วมกับการใช้พัดลมเป่า พ่นละอองน้ำ ระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด แล้วรีบนำส่งสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ สามารถติดต่อประสานขอรถบริการทางแพทย์ฉุกเฉิน สายด่วน 1669 บริการตลอด 24 ชั่วโมง
กทม.ประสาน KT และ BTSC ปรับการจัดขบวนเดินรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานตากสิน
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาคอขวดบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานตากสินว่า การปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน (S6) ได้กำหนดไว้ในผลการเจรจาการร่วมลงทุนว่า ให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้รับสัมปทาน เป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายดำเนินการปรับปรุงสถานีสะพานตากสินจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ เพื่อเพิ่มความถี่การเดินรถไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในระหว่างรอการพิจารณาให้ความเห็นชอบของ ครม. กทม.ได้แจ้งบริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) พิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าว และ BTSC ได้ปรับการจัดขบวนรถไฟฟ้าเข้าสถานีสะพานตากสินในชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น จากเดิมการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม ในช่วงเวลาปกติจะมีความถี่ของขบวนรถประมาณ 6 นาที ส่วนในชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นจะมีความถี่ 3 นาที 45 วินาที เป็นขาเข้าเมือง 1 ขบวน สลับขาออกเมือง 1 ขบวน ปรับเป็นขาเข้าเมือง 2 ขบวน สลับกับขาออกเมือง 2 ขบวน เพื่อให้สามารถรองรับประชาชนที่ใช้บริการในช่วงดังกล่าวได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้น
กทม.ประสาน NT ดูแลความปลอดภัยขณะก่อสร้างบ่อพักท่อร้อยสายเคเบิลใต้ดินบริเวณ MRT ท่าพระ
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวกรณีสื่อออนไลน์โพสต์ภาพและข้อความระบุบริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ ผู้รับเหมานำแผ่นเหล็กมาวางบนพื้นผิวจราจร พร้อมกรวย 2 อัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุว่า สนย.ได้ตรวจสอบบริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ พบว่าบริเวณดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้างบ่อพักท่อร้อยสายเคเบิลใต้ดินของบริษัท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยก่อสร้างบ่อพัก เพื่อดึงท่อใต้ดินในเวลากลางคืนและปิดฝาบ่อชั่วคราวโดยใช้แผ่นเหล็กปิด แต่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา จึงได้ประสานแจ้งบริษัท NT ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
สำหรับพื้นที่ที่มีการก่อสร้างบริเวณอื่น สนย.ได้ตรวจสอบพื้นที่ที่หน่วยงานสาธารณูปโภคดำเนินการเป็นประจำตามวงรอบ หากพบปัญหาที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน รวมถึงถนนชำรุดเสียหาย สนย.จะแจ้งหน่วยงานสาธารณูปโภคต่าง ๆ เร่งดำเนินการแก้ไข หากไม่ดำเนินการตามกำหนดเวลาจะระงับการก่อสร้างชั่วคราว จนกว่าจะแก้ไขให้เรียบร้อย จึงจะอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป
กทม.เพิ่มความถี่พ่นน้ำยาดับกลิ่น – ล้างทำความสะอาดสถานีขนถ่ายมูลฝอยรัชวิภา
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม.กล่าวกรณีมีผู้ร้องเรียนปัญหากลิ่นขยะจากโรงกำจัดขยะบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตว่า โรงขยะดังกล่าวเป็นสถานีขนถ่ายมูลฝอยที่ สสล.ใช้สำหรับรับมูลฝอยจากเขตต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อขนถ่ายไปกำจัดที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม โดยปัจจุบันมีมูลฝอยเข้ามาขนถ่ายที่สถานีขนถ่ายมูลฝอยรัชวิภาเพิ่มขึ้น สสล.จึงป้องกันกลิ่นออกไปภายนอกอาคาร โดยเปิดระบบการทำงานของม่านอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายในอาคารกระจายออกสู่ภายนอกตลอดเวลา รวมทั้งล้างทำความสะอาดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ไม่มีการขนถ่ายมูลฝอยเป็นประจำทุกวัน นอกจากนั้น ได้เพิ่มความถี่การพ่นน้ำยาดับกลิ่นทั่วบริเวณ เพื่อแก้ปัญหากลิ่นฟุ้งกระจายออกไปสู่ภายนอก
นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม.กล่าวว่า สำนักงานเขตฯ ได้กำชับผู้เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบดูแลรถเก็บขนมูลฝอยในสถานีขนถ่ายรัชวิภาให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่เกิดปัญหาน้ำขยะรั่วไหลจนเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชน ขณะเดียวกันได้ล้างพื้นที่โดยรอบที่มีน้ำขยะไหลนองพื้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำขยะและขจัดกลิ่นขยะที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว