ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
อดีตนายกสภาวิศวกร ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์
‘ดร.เอ้’ เตือนอย่าดูเบาดินไหว
เตือน…อย่านอนใจ แผ่นดินไหวในไทยอาจเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเหตุแผ่นดินไหวอำเภอแม่ลาว เชียงราย เมื่อปี 2557 เป็นเหตุแผ่นดินไหวในแผ่นดินไทยเอง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ ที่น่าเป็นห่วงคือคนไทยยังตั้งอยู่บนความประมาท ยึดติดความคิดที่ว่าไทยไม่ได้เป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ถ้าไม่เฝ้าระวัง อาจเกิดเหตุการณ์ดูไม่จืด โดยเฉพาะอาคารเก่า 4-5 ชั้นที่สร้างก่อนกฎหมายควบคุมอาคารเรื่องแผ่นดินไหวออกมาบังคับใช้ แจง…กรุงเทพฯ มีอาคารเข้าข่ายต้องเตือนภัยสีแดงกระจายในแทบทุกเขต โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ชั้นในทั้งพระนคร สัมพันธวงศ์ ปทุมวัน พญาไท และกรุงเทพฯ ชั้นนอกเช่นลาดพร้าว แนะ…กทม.ต้องเร่งตรวจสอบอาคารเก่าพร้อมให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการซ่อมแซมบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ผ่านไปเกือบปี
จริงๆ ช่วงเลือกตั้งถือว่าต้องทดสอบร่างกายเลย ต้องเดินวันละ 20-30 กิโลเมตร ช่วงนั้นน้ำหนักลดไป 5 กิโลกรัมเลย ไม่มีพุงเลย ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ตอนนี้น้ำหนักขึ้นมาเหมือนเดิมแล้ว เรียกว่าสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่
รอบนี้เตรียมพร้อมอย่างไร
ถือว่าผมเป็นหนึ่งในตัวแทนคนที่เป็นความมืออาชีพ ผมเป็นทั้งวิศวกร เป็นทั้งนักวิชาการบริหาร จริงๆ แล้วประเทศไทยมีปัญหาหลายๆ เรื่องที่จำเป็นต้องใช้หลักวิชาการ หลักเทคนิค หลักเทคโนโลยี ประเทศไหนหรือบ้านเมืองไหนไม่ได้ใช้หลักวิชาการเป็นฐานในการบริหารบ้านเมือง ประเทศนั้นคงจะเจริญได้ยาก
ส่วนเรื่องแผ่นดินไหวที่เราคุยกันเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ แต่ว่ามีคนสนใจน้อย ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ของโลก แผ่นดินไหวที่ตุรกีคนเสียชีวิตกว่า 40,000 หมื่นคนไปแล้ว และเป็นประเทศที่มีการเฝ้าระวังแผ่นดินไหวมานานแล้วด้วย ก็ยังไม่เชื่อว่าจะเจอหนักขนาดนี้ และหลายคนก็บอกว่าประเทศไทยไม่มีทางเจอแผ่นดินไหวหรอก ตั้งแต่ผมเรียนวิศวกรมา นักวิชาการเมืองไทยหลายคนก็เชื่อว่าแผ่นดินไหวจะอยู่แถวมหาสมุทรอินเดีย อยู่ฝั่งเมียนมา อยู่ฝั่งลาว หรืออยู่ที่ฝั่งจีน
แต่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ถือเป็นการตบหน้านักวิชาการอย่างแรง ถ้ายังจำกันได้ วันนั้นมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นใต้แผ่นดินไทยที่อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย และมีผู้เสียชีวิตด้วย เป็นการตบหน้านักวิชาการอย่างแรงที่คิดว่าแผ่นดินไหวเกิดนอกแผ่นดินไทย ซึ่งไม่จริง แผ่นดินไหวเคยเกิดขึ้นในไทยมาแล้ว และพิสูจน์แล้วว่ามันรุนแรงจนเกิดทำให้มีผู้เสียชีวิต
วันนั้น ผมเป็นนายกสมาคมวิศวกรรมสถาน เราเคยไปสร้าง 4 โรงเรียน และช่วงที่แผ่นดินไหวโรงเรียนพังพินาศเลย ซึ่งถ้าเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเด็กกำลังเรียนอยู่ ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คนไทยยังตั้งอยู่บนความประมาทกับสถานการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งก็อาจจะเกิดขึ้นวันไหนก็ได้
ใช่ แล้วย้ำเลยว่าต่อให้วิศวกรระดับโลกจะเก่งอย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่ทำไม่ได้ก็คือ การพยากรณ์ว่าที่ใดจะเกิดแผ่นดินไหว และมีความรุนแรงแค่ไหน ยังทำไม่ได้ ตรงนี้เราสู้ธรรมชาติไม่ได้จริงๆ และอย่างที่ผมย้ำคือแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่เมืองไทยได้ และครั้งนั้นที่เชียงรายสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ และถ้าจำเหตุสึนามิที่ภาคใต้ได้ ครั้งนั้นตึกสูงๆ ในเมืองไทยก็เกิดการร้าวและรู้สึกตัวได้ และและเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่กาญจนบุรีซึ่งมีรอยเลื่อน เกิดขึ้นที่กาญจนบุรีลามไปถึงเมียนมา ถึงแม้จะไม่เข้ามากรุงเทพฯ โดยตรง แต่รอบๆ บริเวณทางตะวันตกจนไปถึงภาคเหนือเป็นจุดเสี่ยงทั้งนั้น และกรุงเทพฯ ก็อย่าประมาทไป ถึงแม้อยู่ในเขตที่เขาเรียกความเสี่ยงปานกลาง แต่ก็ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอาคารเก่าซึ่งออกแบบโดยไม่ได้ใช้ความรู้ในเรื่องการป้องกันแผ่นดินไหวเลย
ท่านที่อยู่ในอาคารเก่าที่ไม่สูงประมาณ 4-5 ชั้น ก็ถือว่าเสี่ยง อาคารพาณิชย์ที่เราเห็นอยู่ ถ้าเกิดมีแผ่นดินไหวรุนแรงแถวกาญจนบุรี ผมว่าเหนื่อย จึงอยากบอกในฐานะวิศวกรคนนึงว่าวันนี้กรุงเทพฯ ต้องตรวจสอบอาคารเก่า อย่าปล่อยไว้ เพราะถ้าเกิดมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมามันไม่คุ้ม ดูที่ตุรกีเป็นตัวอย่าง เพราะอย่างไรก็ไม่คุ้ม
โอกาสที่ตึกถล่มในเมืองไทยอย่างตุรกี จะมีหรือไม่
จากความรู้ที่นักวิชาการไทยพอมี ซึ่งหลายครั้งเราผิด จากที่บอกว่าไม่เชื่อว่าแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นใต้แผ่นดินไทยก็ผิดไปแล้ว ปี 2557 จุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ที่เชียงราย อำเภอแม่ลาว ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้น สำหรับความรู้ที่วิศวกรอย่างเราพอมี เราก็ยังเชื่อว่าแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ที่จะทำลายล้างแบบตุรกีนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นยากมากที่อาคารจะพังยับอย่างนั้น โอกาสเกิดขึ้นยากมาก นี่คือความรู้ที่เราพอมี
แต่ถ้าแผ่นดินไหวแถวชายแดน บริเวณทิศตะวันตกอย่างรุนแรงมาก อาคารหลายประเภทมีโอกาสพังได้ เช่นอาคารเก่า สูงก็ไม่สูง เตี้ยก็ไม่เตี้ย ตึกชั้นเดียวอาจไม่กลัว ส่วนอาคารสูงมากๆ เขามีการคำนวณเรื่องแผ่นดินไหวแล้ว อาคารสูงเวลาเจอแผ่นดินไหวก็จะดิ้นเหมือนไม้บรรทัด ไม่พัง แต่เรารู้สึกวิงเวียน มีของหล่น มีรอยร้าว แต่ไม่พัง แต่อาคารกึ่งเตี้ยกึ่งสูงประมาณ 4-6 ชั้น น่ากลัว เราไม่กล้าจะจินตนาการเลยว่ามันจะพังลงมาอย่างไร มีความเสี่ยงมากกว่าอาคารอื่นเยอะ ตรงนี้คือสิ่งที่เน้นย้ำว่ากรุงเทพมหานครต้องเร่งไปตรวจสอบ เพราะน่าเป็นห่วง
ศ.ดร.สุชัชวีร์เคยเป็นนายกวิศวกรรมสถาน และนายกสภาวิศวกร ในองค์กรเหล่านี้เคยมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันหรือไม่
ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่เชียงราย ตอนนั้นผมเป็นนายกวิศวกรรมสถาน ซึ่งเรานำทีมวิศวกรไทยไปช่วยในพื้นที่ และเราไปช่วยสร้างโรงเรียน ไปกู้ภัยด้วย ดังนั้น เราตระหนักรู้เลยว่า ความรู้ของเราที่บอกว่าแผ่นดินไหวในไทยไม่รุนแรงนั้นมันไม่จริงแล้ว จากนั้นวิศวกรรมสถาน จนถึงสภาวิศวกรที่ผมเป็นนายกสมัยที่ 7 เราก็ผลักดันให้การออกแบบอาคารในกรุงเทพฯ จำเป็นจะต้องรับแผ่นดินไหวที่ 6 ริกเตอร์ได้ ถือว่าปัจจุบันอาคารสูงในกรุงเทพฯ ก็ได้รับการออกแบบที่ปลอดภัย
ก่อนที่เรารู้ คือก่อนปี 2550 ตอนนั้นไม่มีใครมีความรู้ แต่อาคารก็มีอยู่แล้ว อาคารเหล่านี้เขาเกิดก่อนที่พวกเราวิศวกรไทยจะผลักดันให้เกิดกฎหมายที่ควบคุมอาคารที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ อาคารเหล่านี้ที่เราเน้นย้ำมีจำนวนไม่รู้กี่หมื่นอาคารในกรุงเทพฯ ไม่ได้บอกว่าแผ่นดินไหวมาแล้วจะพังหรือไม่ แต่จะบอกว่ามีความเสี่ยงสูงมากๆ สูงกว่าอาคารประเภทอื่นเยอะ ก็คืออาคารเก่าที่สร้างก่อนที่กฎหมายควบคุมอาคารในเรื่องแผ่นดินไหวจะออก ส่วนใหญ่เป็นอาคารที่กึ่งเตี้ยกึ่งสูง กลุ่มนี้คือกลุ่มที่น่าเป็นห่วง
ตึกในไทยออกแบบมารองรับการสั่นสะเทือนได้กี่ริกเตอร์
ในกรุงเทพฯ 6 แมกนิจูด แต่ก็ต้องยอมรับว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ ดังนั้น ในการวัดแบบคร่าวๆ การวัดแผ่นดินไหว เขาวัดสเกล จาก 6 เป็น 7 ห่างกัน 10 เท่า จาก 6 เป็น 8 ห่างกัน 100 เท่า คนฟังอย่าคิดว่าจาก 6 เป็น 8 แค่นิดหน่อย แต่จะเพิ่มเป็น 100 เท่า จะคูณสิบไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดเป็น 9 ที่เกิดสึนามิ คือจาก 6 เป็น 9 คือ 1 พันเท่า มันยกกำลังไปเรื่อยๆ ฉะนั้นแล้วมันมีผลมากๆ การที่กำหนดให้มันสูงไปเรื่อยๆ จะมีผลต่อราคาการก่อสร้างเป็นเท่าทวีคูณ เวลาวิศวกรกำหนดมันเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ กำหนดมากไปอาจดูเหมือนปลอดภัยแต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้ากำหนดต่ำไปก็มีความเสี่ยง ไม่คุ้มกัน ตอนนี้เขาก็กำหนดอยู่ประมาณ 6 ริกเตอร์
ทั้งนี้ อาคารแต่ละอาคารรับแรงสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ไม่เท่ากัน อาคารสูงที่เกิดขึ้นเขามีการคำนวณแรงลมด้วย ซึ่งแรงสั่นสะเทือนจากลม จากแผ่นดินไหวมันคล้ายกัน เพราะฉะนั้นแล้วก็พออยู่รอด แต่อาคารกึ่งสูงกึ่งเตี้ยและเป็นอาคารเก่า ตรงนี้คำนวณไม่ได้ทั้งเรื่องลมเรื่องแผ่นดินไหว ยิ่งเก่ายิ่งอันตราย อันนี้เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่า
แล้วใครจะเป็นคนเข้าไปตรวจสอบ
วิศวกรสำคัญอันดับแรกเลย อาคารทุกอาคารในกรุงเทพฯ เขาขึ้นทะเบียนกับเขตอยู่แล้ว แต่ละเขตจะรู้ทันทีเลยว่าอาคารไหนเป็นอย่างไร ผมขอแนะนำเขต โดยให้เขตขึ้นทะเบียนอาคาร ถ้าเป็นอาคารที่ปลอดภัยให้ติดสีเขียว ปลอดภัยแน่นอน เพราะก่อสร้างหลังกฎหมายควบคุมเรื่องแผ่นดินไหวออกมา ถ้าเกิดมีความเสี่ยงบ้างถึงเล็กน้อยก็สีเหลือง หมั่นเข้าไปตรวจ 2-3 ปี ตรวจครั้งหนึ่ง แต่ที่ต้องรีบไปตรวจคืออาคารประเภทสีแดงที่เป็นอาคารเก่าแล้ว มีรอยร้าว ถ้ามีแผ่นดินไหวก็ไม่รอด ซึ่งสีแดงแต่ละพื้นที่พอจะมีอยู่ ตรงนี้เขตควรจะเข้าไป และเวลาเข้าไปต้องเข้าไปแนะนำด้วย เพราะชาวบ้านเขาอยู่ บางทีอยู่มาตั้งแต่รุ่นตา ยาย กว่าจะมาถึงเขาก็ไม่มีความรู้ เพราะเขาไม่ใช่วิศวกร
อาคารสีแดงแต่ละเขตมันพอมี โดยเฉพาะเขตชั้นในมีเยอะ พระนคร สัมพันธวงศ์ มีเยอะ ปทุมวันมีอาคารเก่าๆ เยอะ พญาไท ลาดพร้าวเองก็ใช่ย่อย สมัยก่อนมีการสร้างตึกแถวและอาคารพาณิชย์เยอะ อาคารเหล่านี้ถ้าเป็นสีแดง ทางเขตก็ต้องเข้าไปแนะนำ การแนะนำไม่ยากหรอก มันมีที่เขาเรียกเช็กลิสต์ ตรงนี้ทางเขตสามารถขอความช่วยเหลือจากสภาวิศวกรหรือวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้ เรายินดีช่วย
อย่างสาธารณูปโภคต่างๆ เช่นทางด่วนปลอดภัยหรือไม่
ต้องบอกอย่างนี้ ทางด่วนดีๆ ที่โกเบตอนที่แผ่นดินไหวก็พังไม่มีเหลือเลย เห็นภาพใช่ไหม เท่าที่ความรู้วิศวกรมีอยู่ในปัจจุบันนั้น สำหรับทางด่วนและอุโมงค์ใต้ดินในไทยยังถือว่ามีความเสี่ยงน้อย ไม่กล้าพูดว่าไม่มีความเสี่ยง เพราะโครงสร้างมันใหญ่ ขณะที่อุโมงค์อยู่ในชั้นดิน เรียกว่าการยืดหยุ่นตัวของมันมี เพราะฉะนั้นถ้าแผ่นดินไหว โครงสร้างทางด่วนมันแข็งแรงก็พอทนได้ โครงสร้างอุโมงค์มันหยุ่นตัวได้ ก็พอได้ มีความเสี่ยงแต่ว่ามันน้อย แต่ถ้าเป็นพวกท่ออะไรเก่าๆ ตรงนี้ก็ต้องมาดูอีกทีหนึ่ง แต่พวกนี้ไม่อันตรายถึงชีวิต อย่างมากท่อแตกก็ไปซ่อมทีหลังได้ ถ้าเป็นสาธารณูปโภคต่างๆ ให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ เข้าใจว่าค่อนข้างปลอดภัย การตรวจสอบเป็นระยะ ก็น่าพอเพียงไม่ต้องกังวล
เรื่องเหล่านี้ถ้าได้เข้าสภา เราจะทำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เรื่องกรุงเทพฯ เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ ผมยังจะเป็นปากเสียงให้กับประชาชนอยู่ เพราะในฐานะคนที่มีวิชาชีพเป็นวิศวกรจะเห็นว่าเรื่องน้ำท่วม เรื่องฝุ่นพิษ เรื่องความปลอดภัย เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ จะให้ความสำคัญนอกเหนือจากดูแลนโยบายด้านการศึกษาให้กับพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ต้องขอการตัดสินจากพี่น้องประชาชนด้วย อยากให้มืออาชีพเข้าไปทำงานตรงนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน
ที่มา: นสพ.ดอกเบี้ยธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 – 26 ก.พ. 2566