กทม.ส่งเสริมการเรียนการสอนและการจัดแสดงดนตรีตามนโยบาย Open Education
นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนด้านดนตรีในโรงเรียนสังกัด กทม.ว่า กรุงเทพมหานคร โดย สนศ. มีแนวทางส่งเสริมการจัดแสดงดนตรีและการเรียนการสอนดนตรีในโรงเรียนสังกัด กทม.โดยจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในวิชาดนตรีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง หรือบางโรงเรียนอาจจัดได้มากกว่านี้ และจัดการสอนเสริมนอกเวลา เช่น เวลาหลังเลิกเรียน วันเสาร์ – อาทิตย์ หรือช่วงปิดภาคเรียน ซึ่งครูผู้สอนจบการศึกษาด้านดนตรีโดยตรง เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านดนตรีไทยและดนตรีสากล รวมถึงนักเรียนที่มีความโดดเด่นด้านดนตรี เมื่อจบการศึกษาและเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีหลายคนได้กลับมาเป็นคุณครูสอนวิชาดนตรีให้นักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. อีกทั้งได้จัดให้นักเรียนมีเวทีการแสดงออกภายในโรงเรียน เช่น แสดงดนตรีในงานวันสำคัญต่าง ๆ ของประเทศและวันสำคัญทางศาสนา
นอกจากนั้น ยังได้จัดกิจกรรมนอกห้องเรียนตามนโยบาย Open Education เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่มีความสนใจด้านดนตรีได้จัดการแสดงภายนอกโรงเรียน ทั้งในระดับสำนักงานเขต เช่น การจัดงานมหกรรมการศึกษา งานวันวิชาการ และระดับกรุงเทพมหานคร เช่น การจัดงานวันเด็ก การแข่งขันงานกีฬาช้างน้อยเกมส์ การเข้าร่วมแสดงวงดนตรีสากลในงานวันแม่ที่ป้อมมหากาฬ และระดับประเทศ เช่น การประกวดแข่งขันศิลปหัตกรรม การร่วมแสดงในกิจกรรม To Be Number One การแสดงดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีเมโลเดียนของนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษาทุกปีการศึกษา ตลอดจนร่วมกิจกรรมกับอาสาสมัครภาคประชาชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ รวมทั้งนำร่องให้บริษัทเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านดนตรีได้ทดลองใช้เทคโนโลยีช่วยสอนดนตรีสากลให้นักเรียนในชั้นเรียนช่วงภาคเรียนที่ 2/2565 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะต่อยอดและจัดอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังร่วมกับสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม.จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนที่มีความสนใจด้านดนตรี ได้ร่วมกิจกรรมการแสดงวงดุริยางค์ร่วมกันระหว่างโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านวงดุริยางค์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดนครราชสีมา ส่วนการจัดประกวดแข่งขันความสามารถทางดนตรี เป็นเรื่องที่ กทม.ตระหนักถึงความสำคัญ หากได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ สนศ.พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อให้นักเรียนได้แสดงออกถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์
กทม.เร่งงานก่อสร้างสาธารณูปโภค คืนผิวจราจรหน้าเดอะมอลล์ ท่าพระ ภายใน 31 พ.ค.นี้
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีมีการตั้งข้อสังเกตบริเวณถนนหน้าเดอะมอลล์ ท่าพระ และฝั่งตรงข้ามขาออก สภาพเป็นหลุมขนาดใหญ่ว่า ผิวจราจรถนนคู่ขนานอุโมงค์บริเวณหน้าเดอะมอลล์ ท่าพระ ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก มีสภาพชำรุดเป็นหลุม มีสาเหตุมาจากงานก่อสร้างบ่อพักและแนวท่อใต้ดินของหน่วยงานสาธารณูปโภค ซึ่งในระหว่างการดำเนินงาน สนย.ได้ตรวจสอบและประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคให้ควบคุมและกำกับผู้รับจ้างปรับปรุงซ่อมแซมผิวจราจรชั่วคราวให้สามารถใช้การได้ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเร่งรัดงานก่อสร้างสาธารณูปโภคส่วนที่เหลือพร้อมกับงานก่อสร้างคืนผิวจราจรถาวรให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้
รร.กทม.ปลอดยาเสพติด เน้นย้ำส่งเสริมความรู้ความเข้าใจพิษภัยสารเสพติด
นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงการเฝ้าระวังและกวดขันปัญหายาเสพติดในโรงเรียนสังกัด กทม.ว่า กรุงเทพมหานคร โดย สนศ. ได้แจ้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายา หรือสารเสพติด และประกาศ กทม.เรื่องการเฝ้าระวังปัญหาที่เกิดจากการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมในนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม.ให้สำนักงานเขตและโรงเรียนในสังกัดรับทราบและถือปฏิบัติ เพื่อให้โรงเรียนสังกัด กทม.เป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติดให้โทษประเภทต่าง ๆ รวมถึงห้ามโฆษณาและจำหน่ายอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษประเภทต่าง ๆ โดยให้โรงเรียน คณะผู้บริหาร ครู และนักเรียนแกนนำลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และขอความร่วมมือร้านค้าบริเวณโดยรอบโรงเรียนให้ปฏิบัติตามประกาศ กทม.
ขณะเดียวกันได้สนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนในสังกัด กทม.ให้ดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภายนอก เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของยา หรือสารเสพติดประเภทต่าง ๆ ให้กับนักเรียน ได้แก่ (1) โครงการสถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟฟ้าและกัญชา โดยชมรมเยาวชนรุ่นใหม่ไม่ใส่ใจบุหรี่ ได้บรรยายให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักเรียน เรื่องบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ (2) เข้าร่วมโครงการ “โรงเรียนปลอดบุหรี่ พื้นที่กรุงเทพมหานคร” โดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (3) โครงการโรงเรียนกรุงเทพมหานครปลอดยาเสพติด สนับสนุนให้มีครูแกนนำและนักเรียนแกนนำยาเสพติด เพื่อดำเนินงานตามมาตรการสถานศึกษาปลอดยาเสพติด รวมทั้งบูรณาการความรู้เกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้ากับการเรียนการสอน (4) โครงการครูตำรวจ (ครู D.A.R.E.) จัดกิจกรรมให้การศึกษาต่อต้านการใช้ยาเสพติดให้นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5 – 6 ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และ (5) โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUNBER ONE
นอกจากนั้น ยังได้แจ้งให้โรงเรียนในสังกัดมุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชา กัญชง และกระท่อมแก่นักเรียน ด้วยการบูรณาการเข้ากับกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมต่าง ๆ ในการเรียนการสอนของโรงเรียนในทุกระดับชั้น เน้นการจัดแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมนักเรียนตามความถนัด หรือความสนใจโดยสอดแทรกเน้นย้ำเรื่องพิษภัยยา หรือสารเสพติดประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งกำชับให้ประชาสัมพันธ์สื่อต่าง ๆ เรื่องโทษของการใช้ยา หรือสารเสพติดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียนในรูปแบบที่นักเรียนสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ตลอดจนให้โรงเรียนประสานเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน เพื่อแจ้งนโยบายการเฝ้าระวังปัญหาที่เกิดจากการใช้กัญชา กัญชง และใบกระท่อม รวมถึงยาเสพติดให้โทษประเภทต่าง ๆ แก่ผู้ปกครอง ชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้ารอบโรงเรียนร่วมมือกวดขันและติดตามดูแลนักเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งดูแล สังเกตพฤติกรรมนักเรียนที่อาจเป็นกลุ่มเสี่ยงและวางแผน เพื่อรับมือการแก้ไขปัญหา
กทม.ใช้แนวทาง RRTTPR ป้องกันแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ พร้อมจัดระบบบริการสุขภาพเชิงรุก
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของ กทม.ว่า กรุงเทพมหานคร โดย สนอ.มีแนวทางป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตามแนวทาง RRTTPR (Reach-Recruit-Test-Treat-Prevention-Retain) คือ Reach&Recruit : จัดบริการเชิงรับและเชิงรุกการให้ข้อมูลความรู้และชักชวนตรวจคัดกรองเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นในสถานศึกษา สถานบันเทิง และจุดรวมตัวของกลุ่มเป้ามายร่วมกับเครือข่ายภาครัฐ และองค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ (NGO) Test &Treat : การตรวจคัดกรองเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เบิกจ่ายตามสิทธิและไม่เสียค่าใช้จ่ายในกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเสี่ยงสูง และกลุ่มผู้ไร้สิทธิ หากพบผู้ติดเชื้อให้บริการดูแลรักษา หรือส่งต่อตามสิทธิการรักษา Prevention : ส่งเสริมการป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น และยาป้องกันก่อน – หลังการติดเชื้อ HIV (PrEP/PEP) Retain : การติดตามผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ติดตามป้องกันให้ผลเป็นลบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น กทม.ยังมีคลินิกรักปลอดภัย ดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 9 แห่ง BKK Pride Clinic 21 แห่ง ส่งเสริม ป้องกัน รักษากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ คลินิก PrEP Bangkok และคลินิกวัยรุ่น 16 แห่ง
ส่วนด้านระบบบริการสุขภาพกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย ตลอดจนการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยให้กลุ่มวัยรุ่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร กทม.ได้จัดหาและกระจายถุงยางอนามัย สารหล่อลื่นให้กลุ่มเป้าหมาย ทั้งเยาวชนในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษา สถานบันเทิง และสถานประกอบการ รวมทั้งวางแผนการดำเนินงาน ร่วมดำเนินงาน จัดบริการ และติดตามประเมินผล ร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่องทุกปี