กทม.ออก 5 มาตรการให้แก้ใน 15 วันฝ่าฝืนเจอดี
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.66 ที่ศาลาว่าการ กทม. นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัด กทม. เปิดเผยหลังการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเหตุเดือดร้อน จากการเปิดเพลงหรือแสดงดนตรี เสียงดังถนนข้าวสาร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า กทม.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและชุมชนใกล้เคียงถนนข้าวสาร จึงประชุมร่วมกับสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ผู้ประกอบธุรกิจ และสถานประกอบการถนนข้าวสาร รวมทั้งผู้แทนชุมชน เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ประชุมมีฉันทามติร่วมกันให้สถานประกอบการปรับปรุงแก้ไขภายใน 15 วัน ประกอบด้วย 1.สถานประกอบกิจการที่เปิดเพลงหรือแสดงดนตรี ควรเป็นอาคารที่ปิดมิดชิดผนังต้องทำด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันเสียงดัง และความสั่นสะเทือน 2.ควบคุมระดับเสียงภายในสถานประกอบการ โดยค่าเฉลี่ย ต้องมีค่าไม่เกิน 90 เดซิเบลเอ และค่าระดับเสียงสูงสุด ณ เวลาใดเวลาหนึ่งไม่เกิน 110 เดซิเบลเอ และค่าระดับเสียงที่ดังถึงชุมชนต้องไม่เกิน 10 เดซิเบลเอ 3.ในระหว่างเวลาทำการต้องมีการหยุดหรือลดระดับเสียงเป็นระยะๆ 4.ห้ามติดตั้งลำโพงด้านหน้าหรือนอกอาคารสถานประกอบกิจการ 5.ให้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดระดับเสียงและแสดงผลการตรวจวัดผ่านทางจอแสดงผล ทั้งนี้ หากพ้นกำหนดแล้วไม่ทำการปรับปรุง กทม.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
นพ.สุขสันต์กล่าวว่า สถานประกอบการในพื้นที่ถนนข้าวสารประเภทการประกอบกิจการสถานที่จำหน่ายอาหารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตร ขึ้นไปจำนวน 6 ราย สถานที่จำหน่ายอาหารที่มีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร จำนวน 35 ราย กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการจัดให้มีการแสดงดนตรี จำนวน 6 ราย สถานประกอบการที่ไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขพ.ศ.2535 จำนวน 6 ราย สถานบันเทิงตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 จำนวน 2 ราย สถิติเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ถนนข้าวสารเดือน ต.ค.65 จำนวน 4 ครั้ง เดือน พ.ย.65 จำนวน 5 ครั้ง เดือน ธ.ค.65 จำนวน 4 ครั้ง เดือน ม.ค.66 จำนวน 2 ครั้ง
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจแหล่งกำเนิดเสียงจากลำโพงในพื้นที่ถนนข้าวสารข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 6 ก.พ.66 มีจำนวน 30 ร้าน จากทั้งหมด 47 ร้าน จำนวนลำโพงทั้งหมด 240 ตัว แบ่งเป็น 1.จำแนกขนาดลำโพงได้จำนวน 168 ตัว 2.ไม่สามารถจำแนกได้จำนวน 72 ตัว เนื่องจากความเก่าติดตั้งอยู่ที่สูงและติดผนังขยับไม่ได้สำหรับขนาดลำโพง (วัตต์) แบ่งเป็นต่ำกว่า 100 วัตต์ จำนวน 15 ตัวไม่เกิน 1,000 วัตต์ จำนวน 86 ตัว 1000 วัตต์ขึ้นไป จำนวน 53 ตัว 2,000วัตต์ขึ้นไป จำนวน 12 ตัว และ 3,000 วัตต์ขึ้นไป จำนวน 2 ตัว.
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 9 ก.พ. 2566