สั่งตั้งสำนักงานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเมือง มุ่งบริหารรายได้และทรัพย์สิน
รายงานข่าวจาก กทม.แจ้งความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีมลภาวะและการปรับโครงสร้างสำนักการคลัง กทม.ว่า เรื่องแผนการจัดเก็บภาษีมลภาวะและสิ่งแวดล้อมมีมานานแล้ว แต่ กทม.ไม่มีอำนาจหน้าที่จัดเก็บ เนื่องจากติดข้อกฎหมาย หรือแม้องค์กรท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บ ต้องคำนึงถึงประชาชนที่มีส่วนได้เสียว่ารับได้หรือไม่ ในส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากภาครัฐสั่งให้เว้น กทม.ย่อมเสียรายได้ส่วนนั้นไป กทม. จึงพยายามเร่งออกแบบภาษีแนวคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการบังคับลูกหนี้เพิ่มเติม รวมถึงเร่งการปรับโครงสร้างให้สอดคล้องยุคสมัยเพื่อประโยชน์ของ กทม. โดยไม่เบียดเบียนประชาชน
ปัจจุบัน กทม.ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างโดยให้กลุ่มงานนโยบายเศรษฐกิจและการเงินไปรวมกับสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล เพื่อจัดตั้งสำนักงานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเมือง โดยมอบหมายให้รศ.ดร.ทวิดา กทลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้ดูแลโมเดลของสำนักใหม่ดังกล่าว ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. และนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม.แล้ว สำหรับสำนักงานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเมือง เน้นการบริหารรายได้และทรัพย์สินเป็นหลักโดยให้กองรายได้ทำงานตอบโจทย์ภายใต้สำนักการคลัง ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รับผิดชอบงานวิชาการด้านเศรษฐกิจรายได้และการลงทุน รวมถึงงานกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างพัสดุและพาณิชย์
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครปัจจุบันส่วนที่ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างมี 2 หน่วยงานคือ สำนักการคลัง และสำนักงานยุทธศาสตร์และประเมินผล โดยมีแผนย้ายข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ไปเก็บที่สำนักปลัดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ปัจจุบันสำนักการคลังกำลังปรับโครงสร้างให้เป็นสำนักใหม่ โดยให้ผู้บริหารระดับ ผอ.เขต ผอ.กองผอ.สำนักงาน ปรับภารกิจหลักสู่งานของการคลังเต็มตัว เช่น งานรายได้ เป็นต้น ที่ผ่านมา แม้ กทม.จะมีอิสระลักษณะพิเศษต่างจากจังหวัดอื่น แต่ได้รับงบประมาณแผ่นดินตามแบบเดียวกันทั้งหมดรวมถึง แผนกระจายอำนาจของรัฐตั้งแต่ปี 2542 ไม่ได้สนับสนุนงบประมาณตามจำนวนที่วางเป้าไว้จริง กทม.จึงต้องปรับโครงสร้าง เพื่อให้การจัดเก็บรายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มา: นสพ.สยามรัฐ ฉบับวันที่ 8 ก.พ. 2566