(4 ก.พ. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมเปิดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2566 หรือ Bangkok Design Week 2023 (BKKDW2023) ณ บริเวณโถงอาคารไปรษณีย์กลาง เขตบางรัก
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ก็ดีใจมาก ๆ ที่มีงานดี ๆ อย่างนี้ขึ้น โดยงาน Bangkok Design Week ในปีนี้ได้มีการขยายพื้นที่ออกไปถึง 9 ย่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เชื่อว่าทุกอย่างในโลกจะดีได้ต้องเริ่มจากการออกแบบ ที่ผ่านมาเมืองไม่ได้ถูกออกแบบแต่เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งปัญหาหนึ่งที่เจอคือภาครัฐเองไม่เก่งในการออกแบบ อย่างกทม.หน้าที่คือ Compliance หรือทำตามกฎ ทำตามกรอบ ยึดถือระเบียบ ส่วนดีไซเนอร์นั้นจะคิดนอกกรอบ หรือ Think out of the Box หากไม่ประสานความร่วมมือกันก็ยากที่จะเกิดผลที่เป็นงานสร้างสรรค์หรือแปลกใหม่ได้ ฉะนั้น ภาครัฐกับเอกชนต้องคุยกัน เข้าใจบริบทซึ่งกันและกัน สุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันก็คือเมืองที่ดีขึ้น เมืองที่น่าอยู่ขึ้น
“กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่สวยงาม เป็นเมืองที่มีโอกาส โดยสิ่งที่มีค่าที่สุดของเมืองไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง แต่คือความหวังและความไว้วางใจของพวกเราทุกคนว่าเมืองนี้ยังสามารถทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้นได้ หัวใจของงานนี้คือภาคเอกชน คือดีไซเนอร์ทุกคนที่ยังมีความหวังกับเมือง ๆ นี้ กทม.ไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนหลัก แต่เราเป็นผู้ช่วยสนับสนุน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน พลังจากพวกเราทุกคนคือสิ่งที่จะเปลี่ยนเมืองนี้ได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
กรุงเทพมหานคร ผนึกพลังร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ และภาคีเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัด BKKDW2023 ระหว่างวันที่ 4 – 12 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้ไปต่อได้ จึงขอเชิญชวนร่วมสัมผัสมหกรรมไอเดียสร้างสรรค์ระดับโลกตลอด 9 วัน 9 ย่าน ภายใต้ธีม “urban‘NICE’zation เมือง – มิตร – ดี” ที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมกว่า 530 โปรแกรม คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 300,000 คน เปิดพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ได้เที่ยวรับแรงบันดาลใจ จุดประกายไอเดีย เปิดรับไลฟ์สไตล์ทุกเพศทุกวัย ให้เมืองกรุงเทพฯ เป็น “มิตร” สำหรับทุกคน
ในการนี้ ประธานกรรมการ CEA กล่าวว่า การจัดงาน BKKDW2023 ครั้งนี้นับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จของ CEA เพราะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมพัฒนาพื้นที่ให้เป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างจุดเด่น สร้างมูลค่าให้กับวัฒนธรรมท้องถิ่นเดิม พร้อมกับการยกระดับรายได้ให้กับชุมชน จนนำมาสู่การเข้าร่วมงานของ 9 ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเทศกาลครั้งนี้ และออกแบบโปรแกรมต่าง ๆ ที่หลากหลายถึง 530 โปรแกรม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในย่านต่าง ๆ ในพื้นที่กทม. ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ที่กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 7 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทย
“CEA พร้อมที่จะเปิดรับย่านที่สนใจเข้าร่วมเทศกาลฯ ในปีต่อไป โดยการเข้าไปร่วมค้นหาอัตลักษณ์ของแต่ละย่านและมาสู่การวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การออกแบบสร้างสรรค์ในมุมต่าง ๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและเกิดการกระตุ้นการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ และงานครั้งนี้ แต่ละย่านมีไฮไลต์ที่น่าสนใจที่จะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในกทม. ทั้งจากคนไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการจัดงาน 5 ครั้งที่ผ่านมา สามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ปลุกชีวิตให้กับเมือง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างการจัดงานได้สูงถึง 1,368 ล้านบาท มีผู้เข้าชมกว่า 1.75 ล้านคน ดังนั้น คาดว่าในปี 2566 จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากยิ่งขึ้น ทั้งเม็ดเงินและผู้เข้าชมงาน” ประธานกรรมการ CEA กล่าว
สำหรับแนวคิดงานครั้งนี้คือ “urban‘NICE’zation เมือง – มิตร – ดี” เพื่อสร้างความ น่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว ใน 6 มิติ ทั้งในด้านมิตรดีต่อสิ่งแวดล้อม มิตรดีต่อการเดินทาง มิตรดีต่อวัฒนธรรม มิตรดีต่อธุรกิจ มิตรดีต่อชุมชน และมิตรดีต่อทุกความหลากหลายของผู้คนในสังคม โดยมีการออกแบบเป็นกิจกรรมใน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. Showcase & Exhibition แสดงผลงานจากนักสร้างสรรค์ นำเสนอแนวคิดเพื่อการแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิต 2. Talk & Workshop กิจกรรมบรรยาย และเวิร์กชอป เพื่อให้ความรู้และแนวคิดใหม่จากนักสร้างสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ 3. Creative Market & Promotion เปิดตลาดนัดสร้างสรรค์ 6 ตลาดทั่วกรุงเทพฯ กว่า 80 แบรนด์ดีไซน์ และ 4. Event & Program กิจกรรมสร้างบรรยากาศ และความเคลื่อนไหวกับเมืองในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแสดงดนตรี การฉายภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง ตลอดจนการจัดเทคนิคแสงสี บนสถาปัตยกรรม รวมถึงการเปิดบ้านของคนในย่าน (Open House) คาดว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้ จะช่วยปลุกบรรยากาศแห่งความสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นความคิดของคนเมือง พัฒนากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
ในปีนี้กรุงเทพมหานครได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนการจัด BKKDW2023 ซึ่งนับเป็นเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละย่าน ด้วยการใช้สินทรัพย์ในย่านมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น สอดรับกับแผนงานการจัดเทศกาล 12 เดือนของกทม. ที่มีการบรรจุไว้ในปฏิทินกิจกรรมของกทม. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเป็นกิจกรรมสำคัญทำให้กรุงเทพฯ มีภาพลักษณ์เป็นเมืองสร้างสรรค์ระดับโลก เป็นการสร้างสีสันในกรุงเทพฯ สร้างผู้ประกอบการและคนรุ่นใหม่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนนโยบายของกทม.ที่จะนำไปสู่การต่อยอด พลิกฟื้นเศรษฐกิจในย่านอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาซบเซา และสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วยความคิดสร้างสรรค์ ให้สอดรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตามการพัฒนาความเจริญของเมือง
สำหรับ 9 ย่านที่เข้าร่วมเทศกาลจะอยู่ในพื้นที่ 12 เขต ประกอบด้วย
1. ย่านเจริญกรุง – ตลาดน้อย ชวนนักท่องเที่ยวเดินชมงานดีไซน์บนถนนสายแรกของประเทศไทย จากนั้นลัดเลาะเข้าไปในชุมชนเก่าที่กลายเป็น “ย่านต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่มีกว่า 200 โปรแกรมสร้างสรรค์จากนักสร้างสรรค์ทั่วสารทิศตบเท้าเข้ามาจัดงานในย่านนี้ โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• Circular Café ณ ชั้น 2 อาคารส่วนหลัง TCDC กรุงเทพฯ โดยมีแนวคิดแบบ Zero Waste ตั้งแต่การตกแต่งพื้นที่และออกแบบเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ด้วยวัสดุรีไซเคิล การลดใช้พลังงานและทรัพยากรในการจัดการ ไปจนถึงการนําเศษวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ สร้างสรรค์ออกแบบโดย QUALY ร่วมกับ HARV และ LMLM ที่ชวนคนเมืองมาร่วมทดลองเป็นผู้ผลิตและบริโภคที่รับผิดชอบอย่างสร้างสรรค์ ร่วมบริหารจัดการทรัพยากรและขยะให้เป็นศูนย์ผ่านการเรียนรู้ที่สนุกสนานในรูปแบบการจําลอง
• Seatscape & Beyond by One Bangkok ที่นั่งสาธารณะที่มอบประสบการณ์ใหม่แก่คนเมือง การนำเสนอผลงานรอบสุดท้าย โดย 10 ทีมผู้ชนะในโครงการ One Bangkok Urban Furniture Competition 2022 “Seatscape & Beyond” ที่ออกแบบเฟอร์นิเจอร์สาธารณะ เพื่อยกระดับบริบทแวดล้อมของพื้นที่นั้น ๆ
• WASTE IS MORE สร้างสรรค์ออกแบบโดย MORE ณ โถงกลาง อาคารไปรษณีย์กลาง โดยเป็นการสร้างสรรค์และส่งต่อความคิดผ่านนิทรรศการที่จุดประกายความคิดที่ว่า “ไม่มีของเสีย มีเพียงทรัพยากรที่มีคุณค่า” ชวนวงการการออกแบบ วงการวิจัยและพัฒนาวัสดุ โรงงาน ผู้ประกอบการที่มีขยะอยู่ในมือ หรือผู้ที่สนใจแนวคิดความยั่งยืนมาช่วยกันส่งต่อไอเดียพร้อมลงมือทำต่อไป
• Re-Vendor เจริญกรุง 32 โดยเป็นการออกแบบของ CEA ร่วมกับ Cloud-Floor CommDe/ID CU KU และ Street Vendors CRK32 ร่วมกันออกแบบเชิงทดลองของร้านค้าแผงลอยในซอยเจริญกรุง 32 เพื่อสร้างนำเสนอสตรีทฟู้ดริมทางในรูปแบบใหม่ให้เป็นมิตรกับเมือง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจ ชุมชน และผู้คนที่มีหลากหลายในเมือง
2. ย่านเยาวราช บนพื้นที่ไชน่าทาวน์ – ย่านเยาวราช ทรงวาด สำเพ็ง สู่การสร้างสรรค์ให้ย่านแห่งนี้ไม่มีวันหลับใหลและกลายเป็นพื้นที่ในการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ Bangkok City of Design ออกแบบโดย “City Trooper X Academic Program” เปิดประสบการณ์ใหม่ในย่านเก่าที่ไม่ได้มีดีแค่สตรีทฟู้ดระดับโลกแต่ยังมีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมจีนหลากหลายยุคสมัย จากความร่วมมือของนักพัฒนาเมือง สถาบันการศึกษา และกลุ่มนักวิชาการ ร่วมค้นหาความต้องการของเมือง โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• New bus stop design เขตสัมพันธวงศ์ ภายใต้แนวคิด Academic Program: Bangkok City Trooper ที่มีการนําความคิดสร้างสรรค์โดยการหยิบอัตลักษณ์จีนที่เป็นวัฒนธรรมหลักของพื้นที่มาออกแบบป้ายรถเมล์รูปแบบใหม่ จากกลุ่ม MAYDAY! เขตสัมพันธวงศ์ ให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยป้ายนี้ก็จะติดตั้งถาวรใช้งานต่อไป
• You do me I do you ณ ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ออกแบบโดย D&O association โดยรังสรรค์ผลงานที่มีการใช้วัสดุที่ไม่คุ้นเคยด้วยการแลกเปลี่ยนวัสดุระหว่างสตูดิโอ เช่น เหล็กไปสู่โรงงานหวาย โดยนำหลักการและสไตล์การออกแบบเฉพาะตัวของศิลปินมาปรับใช้และสร้างสรรค์ผลงานใหม่
3. ย่านสามย่าน – สยาม ศูนย์รวมแหล่งการเรียนรู้ และศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ และสนามทดลองของคนสร้างสรรค์มาระดมไอเดียนอกกรอบในพื้นที่ เช่น Art4C House of Passa Saratta โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• CASETiFY และ BKKDW2023 ออกแบบโดย CASETiFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์และอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีระดับโลก สร้างคอลเลคชัน “เคสโทรศัพท์” ที่สะท้อนบริบทกรุงเทพฯ โดยศิลปินไทย 10 ท่าน บอกเล่าเรื่องราวของกรุงเทพฯ ให้พกพาไปได้ทุกที่
4. ย่านพระนคร / ปากคลองตลาด / นางเลิ้ง เมืองเก่าที่มีความคลาสสิกสะท้อนความเจริญของยุคสมัย พร้อมวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่นที่นำมาต่อยอดสร้างสรรค์เพื่อการอนยุรักษ์ สู่บริบทใหม่ของกรุงเทพฯ ตามจุดต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ประปาแม้นศรี ลานคนเมือง ไปรษณียาคาร บ้านนางเลิ้ง เป็นต้น โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• 32F #น้ำแข็งละลายเพราะโลกร้อน หัวใจไหลอ่อนเพราะโรครัก ออกแบบโดย FOS design studio ค้นพบเสน่ห์ของอาคารประวัติศาสตร์ที่ข้ามผ่านกาลเวลาและได้กลายเป็นพื้นที่ปิดในปัจจุบัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในย่านเก่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ โดยจัดแสดงการออกแบบแสงสว่างทางสถาปัตยกรรม ณ ประปาแม้นศรี กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Unfolding Bangkok – Living Old Building
• จรจัดสรร ณ พยัคฆ์ แกลเลอรี ออกแบบโดย จรจัดสรร Stand for Strays มีต้นแบบจากที่พักพิงสุนัขจรจัดในชุมชน โดยออกแบบที่พักขนาดเล็ก เพื่อหลบแดด หลบฝน กินอาหาร ให้กับสุนัขในซอยต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ
• SATORIAL ณ The Umber Housepresso & More ออกแบบโดย SENSE OF NANG LOENG พัฒนาพื้นที่ในย่านนางเลิ้ง แหล่งวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อสร้างพื้นที่และประสบการณ์ใหม่ผ่านเสียงดนตรีพร้อม Projection Mapping ท่ามกลางบรรยากาศชุมชนดั้งเดิมซึ่งเป็นแหล่งพำนักของศิลปินนักดนตรีไทยและนางรำ
5. ย่านอารีย์ – ประดิพัทธ์ เป็นกิจกรรม “เปิดบ้าน เปิดย่าน เปิดเมือง” ให้ชมสตูดิโอ อาคารบ้านเรือน รวมถึงร้านค้า เป็นย่านสร้างสรรค์แห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่ เช่น โครงการ 33 space สวนซอยประดิพัทธ์ 17 สวนกรมประชาสัมพันธ์ โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• สวนสาธารณะ โดย AriAround แพลตฟอร์มที่ชวนคนในชุมชนแลกเปลี่ยนความใจดีและร่วมสร้างสรรค์ชุมชนของตัวเอง ปีนี้มาชวนคนตั้งคำถามกับพื้นที่สีเขียวในเมืองว่าสามารถให้ประโยชน์กับคนในชุมชนแค่สำหรับออกกำลังกายจริงหรือ? มาร่วมค้นหาความเป็นไปได้ในการขยายมุมมองและความสัมพันธ์ของเรากับพื้นที่สีเขียวร่วมกับสมาชิกชุมชนย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ และภาคีเครือข่าย ณ สวนสาธารณะ กรมประชาสัมพันธ์
6. ย่านพร้อมพงษ์ ย่านเศรษฐกิจใจกลางเมือง ซอยสุขุมวิท 26 โดยกลุ่ม 49 & FRIENDS เป็นการรวมตัวของนักสร้างสรรค์ ยกระดับให้ย่านมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นมิตรต่อการอยู่อาศัย และกลายเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• 49 & FRIENDS: LUMINOUS 26 พัฒนาสิ่งแวดล้อมใหม่โดย A49 / A49HD ในซอยสุขุมวิท 26 ออกแบบระบบส่องสว่างใหม่ เพิ่มความปลอดภัยของคนเดินถนนและรถยนต์ในยามค่ำคืน
7. ย่านบางโพ สานต่อ “ถนนสายไม้บางโพ ตำนานที่มีชีวิต” พื้นที่วัฒนธรรม แหล่งเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ จากผู้ผลิตงานไม้ในย่าน สู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม หาซื้องานไม้ดีไซน์เก๋ราคาพิเศษในรอบ 15 ปี งานไม้ งานเฟอร์นิเจอร์ งานแกะสลัก ไม้แปรรูป ของตกแต่งประเภทต่าง ๆ รับส่วนลดสูงสุดกว่า 50% โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• เดินในซอยไม้เข้าพาวิลเลี่ยน The Life of Wood โดย Bangpho Wood Street ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม สร้างโดยการนำโคมไม้แปรรูป แนวคิด “FILL THE GAP – เติมเต็ม ต่อยอดยุคสมัย ต่อยอดอาชีพ” มอบประสบการณ์แก่ผู้เข้าชมให้ถนนสายไม้เป็นถนนสร้างสรรค์ที่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
• เดินชอปและพักเหนื่อยได้ที่ Pocket Park สวนสาธารณะขนาดเล็ก จากแนวคิด Balance in Space โดย Bangpho Wood Street ปรับพื้นที่จอดรถเป็นพื้นที่สาธารณะ ด้วยวัสดุเหลือใช้ภายในย่านมาต่อยอดด้วยงานฝีมือของคนในย่าน ณ บริษัท ทวีกิจ ผลิตภัณฑ์ไม้ จำกัด
8. ย่านวงเวียนใหญ่ – ตลาดพลู / คลองสาน บนถนนสายวัฒนธรรม ความเชื่อ อาหาร และศิลปกรรมในรูปแบบใหม่ ซึ่ง SC Asset ร่วมกับ กลุ่มยังธน สถาบันการศึกษา กลุ่มนักสร้างสรรค์ กลุ่มผู้ประกอบการชุมชน คนในพื้นที่ และย่านคลองสาน ดึงสินทรัพย์สร้างมูลค่าเพิ่มมานำเสนอในการออกแบบใหม่ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ด้วยกิมมิคนั่งเรือเที่ยวตามสไตล์ กลุ่ม SUP X Klong San และไอคอนสยาม โดยมีไฮไลต์สำคัญได้แก่
• งานถลกหนังที่ไม่ต้องกลัวหนังถลอก แค่เข้าไปสัมผัสจัดการออกแบบให้เข้ากับที่อยู่อาศัยที่ “THE MAKER” ซอยกรุงธนบุรี: อยู่อย่างย่านเจริญรัถ โดย SC Asset ออกแบบผลิตภัณฑ์จัดวางในพื้นที่ห้องตัวอย่างของ The Reference Condominium ที่แสดงถึงความทรงจำที่สื่อถึงบริบทพื้นที่
9. ย่านเกษตร ด้วยแนวคิด “GREEN LIVING กรีนดีอยู่ดี” ไม่ใช่แค่เที่ยวงานเกษตรแฟร์ แต่ต้องข้ามฟากเข้าตลาดอมรพันธ์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และกลุ่มร้านค้าผู้ประกอบการ ชุมชนคนในพื้นที่เข้าร่วมเทศกาลครั้งนี้ พบกับไฮไลต์ที่สร้างสรรค์ พร้อมออกแบบการบริหารจัดการขยะด้วยจุดทิ้งขยะรูปแบบใหม่ ถ้าไม่เข้าใจเข้าเวิร์กช็อปได้ ด้วยแนวคิด “การจัดการขยะ และของเสียจากตลาดสดรถเข็นขายอาหาร” ออกแบบร่วมกันระหว่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ J Market เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและปรับปรุงระบบการจัดการขยะภายในตลาดให้ดียิ่งขึ้น โดยนิสิตจากภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับร้านอาหารในย่านเกษตร
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเลือกท่องเที่ยวย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เข้าร่วมเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ในปีนี้ทั้ง 9 ย่าน ตลอด 9 วัน ซึ่งแต่ละพื้นที่ย่านจะมีอัตลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นแตกต่างกันไป โดยสามารถติดตามกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.bangkokdesignweek.com หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/BangkokDesignWeek
——————————