(4 ก.พ. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร เขตสาทร” โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารสำนักงานเขตสาทร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาคมพื้นที่ ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงานเขตสาทร

ทั้งนี้ในที่ประชุมได้รายงานถึงข้อมูลทั่วไปของสำนักงานเขตสาทร ความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผลการดำเนินการ Application Traffy Fondue รายงานปัญหา และอุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ปัญหาในเขตสาทรเบื้องต้นเป็นเรื่องไฟฟ้าแสงสว่าง ซึ่งมีไฟดับ 242 ดวงจาก 2 พันกว่าดวง และเขตกำลังดำเนินการแก้ไข ต่อมาเป็นเรื่องทางเท้า เนื่องจากมีพื้นที่สำนักงานเยอะ ทำให้มีปัญทางเท้า หาบเร่แผงลอย มีจุดที่มีปัญหา 10 จุด และผู้ค้าผิดระเบียบ 201 ราย อยู่ในช่วงการจัดระเบียบ พยายามหาพื้นที่ และให้อยู่ในจุดที่ไม่กีดขวางทางเดิน เช่น สถานีลุมพินีได้เคลียร์ไปแล้วจุดหนึ่ง จุดอื่น ๆ ก็อยู่ในกระบวนการจัดการต่อไป ส่วนเรื่องการจัดเก็บรายได้ ตอนนี้มีการเปลี่ยนมากใช้ BMA TAX เขตสาทรมีข้อดีคือเก็บข้อมูลได้ 100% แล้ว ทั้งบ้าน คอนโด ที่ดิน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการอัปเดตข้อมูลสู่ BMA TAX และการส่งใบแจ้งหนี้ไปยังผู้ที่ต้องเสียภาษี น่าจะช่วงเดือนเมษายน คาดว่าน่าจะทำได้ตามแผน

หาแนวทางและมาตรการควบคุมฝุ่น PM2.5 เพิ่มการดำเนินการระยะกลางและระยะยาว

ด้านปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ตอนนี้สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นตามคาดการณ์ ปริมาณฝุ่นลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 5 ทุ่มเมื่อคืนวาน เนื่องจากมีลมทางใต้เข้ามาเสริม และมีความชื้นเพิ่มขึ้น และตามพยากรณ์ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงมาก ซึ่งเป็นเรื่องดี ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษบอกว่าฝุ่นมาจาก 3 ส่วน เช่น หากฝุ่นมีค่า 90 มคก./ลบ.ม. ขึ้นไป สำหรับ 30 มคก. แรก มาจากการจราจร 30 มคก. ต่อมา จากอากาศปิด ส่วน 30 หลัง มาจากการเผาชีวมวล หน้าที่ของเราคือพยายามควบคุม 30 แรก กับ 30 หลัง ส่วนกรณีอากาศปิดเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ โดย 30 แรก เชื่อว่าอย่างน้อยการ WFH ช่วยได้ ทำให้คนลดการเดินทาง ในอนาคตจะมีการใช้เครื่องยนต์ที่มีมาตรฐานดีขึ้น ในปี 2567 จะเริ่มทำเรื่องเครื่องยนต์ Euro 5 หรือการใช้รถ EV ใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ในระยะกลางและระยะยาว จะทำให้ 30 แรกลดลง เรื่องการเผาชีวมวล ใน กทม. ต้องดูแลให้เข้มงวด โดยเฉพาะการทำเกษตรกรรมได้มีโครงการและพูดคุยกับทุกราย โดยเฉพาะในเขตปริมณฑล รวมถึงได้มีการคุยกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในการออกจดหมายถึงต่างจังหวัด และกลุ่มอาเซียน เชื่อว่าในระยะยาวจะดีขึ้น แต่ต้องมีความร่วมมือกันหลายฝ่าย ให้เป็นไปตามแผนวาระแห่งชาติ ข้อดีคือตอนนี้มีการพยากรณ์ที่แม่นยำขึ้น

ส่วนเรื่องการฉีดน้ำดักฝุ่น มีทั้งคนที่อยากให้ฉีดและไม่อยากให้ฉีด ซึ่งก็สงสัยในแง่หลักวิทยาศาสตร์ เลยทดลองที่สวนเบญจกิตติเพราะมีเครื่องวัด ซึ่งเข้าไปตอนประมาณ 3 ทุ่ม ตัววัดค่าฝุ่น PM2.5 วัดได้ค่าประมาณ 160 มคก. หลังจากเอารถน้ำไปฉีดใกล้ๆ ตัววัด ไม่นานค่าลดลงเหลือ 97 มคก. เข้าใจว่าคงมีหลายปัจจัยที่ทำให้ค่าลดลง แต่เมื่อ ขยับรถไปอีกจุด ค่าฝุ่นก็กลับมาเท่าเดิม เพราะฉะนั้นในมิติหนึ่งการฉีดน้ำและขับรถไปอาจจะช่วยได้ในนาทีนั้นและฝุ่นก็กลับมาเหมือนเดิม แต่ในมิติหนึ่งที่ช่วยได้คือฝุ่นขนาดใหญ่ที่เกาะตามถนน ต้นไม้ ก็อาจจะช่วยชะล้างไปได้

เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว และขอความร่วมมือช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวทั้งจากประเทศจีนและประเทศต่าง ๆ ว่า กรุงเทพมหานครได้มีการเตรียมการเกี่ยวกับการให้ข้อมูลด้านสาธารณสุข และข้อมูลต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยว เช่น การขอรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือการตรวจสุขภาพต่าง ๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ต้องกำหนดให้ชัดเจน ด้านความปลอดภัย กทม. โดยสำนักวัฒนธรรมฯ มีจุดดูแลนักท่องเที่ยว 22 จุด ซึ่งได้ประสานงานกับเทศกิจ รวมถึงตำรวจท่องเที่ยว ททท. ในการดำเนินการ ที่กังวลและที่ได้รับร้องเรียนคือรถโดยสารขูดรีด ได้ให้เทศกิจเข้าไปช่วยดูแล และประสานกับ บชน. ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยว

ใช้ Thai School Lunch for BMA ช่วยควบคุมคุณภาพอาหารเด็กนักเรียน กทม.

ส่วนเรื่องอาหารกลางวันนั้น กรุงเทพมหานครมีรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้าง 2 แบบ ถ้ามูลค่าเกิน 5 แสนบาท จะใช้การ E-Biding ถ้าต่ำกว่า 5 แสนบาท จะใช่วิธีเฉพาะเจาะจง และได้เลือกใช้โปรแกรม Thai School Lunch for BMA ซึ่งจะบอกข้อมูลรายละเอียดของเมนู วัตถุดิบ เครื่องปรุง เท่าไหร่ อย่างไร ที่ทาง NECTEC ทำไว้เพื่อช่วยในเรื่องการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพอาหาร เรื่อง E-Auction ก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งบางครั้งพอเป็น E-Auction จะมีการประมูลที่ราคาต่ำ จากงบประมาณที่ตั้งไว้จะลดต่ำลง ดังนั้นต้องให้มั่นใจว่าได้คุณภาพจริง ๆ ตามมาตรฐาน Thai School Lunch for BMA มิติต่อไปคือเราจะลดโอกาสที่จะเกิดการคอร์รัปชันได้อย่างไร ซึ่งมีสองมิติ มิติแรกคือรายบุคคล คนที่ทำไม่ดีต้องมีกระบวนการแจ้งเหตุ หรือกำชับให้ชัดเจนในเรื่องพฤติกรรมส่วนบุคคล อีกมิติคือ คุณภาพอาหารได้ตามที่กำหนดหรือไม่ ไม่ใช่ประมูลว่าจะทำในคุณภาพหนึ่งแต่ทำจริงคุณภาพต่ำลง ซึ่งตรงนี้มีกระบวนการตรวจสอบอยู่

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ระบบ Thai School Lunch for BMA ชัดเจนเรื่องคุณค่าทางโภชนาการอยู่แล้ว สิ่งที่จะช่วยได้คือทำเป็น Open Data คือผู้รับจ้างเมื่อได้วัตถุดิบมาแล้วต้องถ่ายรูปก่อนปรุงอาหารส่งมาที่ระบบ และถ่ายรูปหลังปรุงเสร็จเป็นอาหารต่อจานให้ส่งรูปอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้เห็น หลังจากนั้นในเรื่องการติดตามผลก็มีระบบให้เข้าตรวจสอบได้ และมีศึกษานิเทศก์คอยตรวจสอบติดตามผล 1 คนต่อ 10 โรงเรียน ซึ่งต้องรายงานผลให้ละเอียดชัดเจน หากประชาชนพบเห็นความไม่โปร่งใส มีช่องทางแจ้งเข้ามา อาทิ Traffy Fondoue หรือโทร. สายด่วน 1555

ร่วมโต๊ะมื้อกลางวันกับ 5 บุคลากรเขต

สำหรับวันนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับบุคลากรสำนักงานเขตสาทร จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายนพพร นิ่มนุช ลูกจ้างประจํา ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) 2. นายทองพูน สุวรรณดี ลูกจ้างประจํา ตําแหน่งพนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา (เก็บขนมูลฝอย) 3. นางสาวลําพวน นันทวัต ลูกจ้างประจํา ตําแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) 4.นางสาวนิภาพร สุขสําราญ ลูกจ้างชั่วคราว ตําแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) และ 5. นายกิตติธัช นิมิตรจินดาวงศ์ ลูกจ้างชั่วคราว ตําแหน่งพนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พูดคุยถึงงานปฏิบัติงานในหน้าที่ สอบถามสารทุกข์สุขดิบ และให้กำลังใจในการทำงาน ซึ่งเมนูอาหารกลางวัน ได้แก่ ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ เกาเหลาเนื้อ ผลไม้รวม ขนมไทย และเซ็งซิมอี้

ลงพื้นที่ชุมชม ตรวจติดตามงานและร่วมกิจกรรมของชุมชน

ทั้งนี้ ช่วงบ่ายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปยังคลองกรวย ภายในชุมชนร่วมพัฒนาวรพจน์ 1 ซอยจันทน์ 34 ตรวจจุดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จากนั้นเดินทางไปยังโรงเรียนวัดดอน เพื่อร่วมกิจกรรมมหกรรมคลังปัญญาผู้สูงอายุ โดยมีผู้สูงอายุร่วมกิจกรรม 200 คน

ร่วมปลูกต้นทองอุไรเพิ่มพื้นที่สีเขียว

ทั้งนี้ในช่วงเช้าก่อนเริ่มกิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร เขตสาทร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานเขตสาทร และประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกิจกรรมลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยการปลูกต้นทองอุไร ณ สวนสุขภาพแต้จิ๋ว บริเวณสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เขตสาทร

สำหรับต้นทองอุไร เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลมถึงรูปไข่นก ทรงพุ่มโปร่ง ลำต้นตั้งตรง ดอกสีเหลืองสด ออกเป็นช่อแบบช่อกระจาย แยกแขนงที่ปลายกิ่ง ฤดูกาลออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้เป็นยารักษาโรคเบาหวาน และโรคเกี่ยวกับปัญหาทางเดินอาหารได้ และเป็นไม้มงคลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รูปทรงเป็นช่อเป็นรวงงดงาม และทนแดดได้ดี คนโบราณเชื่อว่า ทองอุไรจะเสริมโชคชะตาของผู้ปลูกให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีเงินทองร่ำรวยมั่งคั่งสมดั่งชื่อทองอุไร และอีกชื่อหนึ่งของทองอุไรก็คือ“ดอกสร้อยทอง” ซึ่งก็ถือว่าเป็นมงคลนามด้วย เช่นกัน นอกจากความเชื่อในเรื่องของเงินๆ ทองๆ ตามชื่อไม้ล้มลุกนี้แล้ว ยังเชื่อกันว่า ทองอุไร จะเสริม วาสนาบารมี ช่วยให้ผู้ปลูกไม้นี้ ได้มีเกียรติ มีลาภยศสูงส่งอีกด้วย

———————