(20 พ.ย. 68) นางสาวอรัญญา พรไชยะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เข้าหารือพูดคุยด้านการศึกษาของเด็กพิเศษในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่เขตบางขุนเทียนและเขตบางบอน ตามลำดับ ดังนี้
รองปลัดฯ อรัญญา เข้าประชุมเพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน พร้อมรับฟังปัญหาจากครูผู้สอนเด็กพิเศษจากโรงเรียนวัดสะแกงาม เขตบางขุนเทียน โดยมีนายมนตรี สาตรจำเริญ ผู้อำนวยการสถานศึกษา พร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรให้การต้อนรับ และรายงานความเป็นมาของการเรียนการสอนของเด็กพิเศษ พร้อมกันนี้ได้เข้าตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนและบรรยากาศในช่วงรับประทานอาหารของเด็กพิเศษในชั้นประถมศึกษา โดยให้ความสำคัญถึงกรอบอัตรากำลังของครูสำหรับห้องเด็กพิเศษ ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนวัดสะแกงามมีอัตรากำลังของครูเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ ในด้านการเรียนการสอน โรงเรียนวัดสะแกงามได้มีการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กพิเศษมาตั้งแต่ปี 2548 จวบจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลา 20 ปี ที่ได้ผลิตลูกศิษย์ออกสู่สังคม บางส่วนออกไปเรียนต่อในสายวิชาชีพและเรียนตามความถนัดและความสามารถ เมื่อเรียนจบแล้วบางส่วนได้เข้าบรรจุเป็นข้าราชการของกรุงเทพมหานคร บางส่วนช่วยเหลือครอบครัวทำธุรกิจส่วนตัว ถือได้ว่าลูกศิษย์ที่เป็นเด็กพิเศษได้รับการดูแลและได้รับการเรียนการสอนที่เหมาะสมสามารถเลี้ยงดูตนเอง และประกอบอาชีพได้เป็นผลสำเร็จ
จากนั้น รองปลัดฯ อรัญญา ได้เข้าร่วมรับฟังแนวทางการศึกษาพิเศษของโรงเรียนวัดบางบอน เขตบางบอน โรงเรียนต้นแบบการจัดการเรียนร่วม โดย นางสาวสุภารัตน์ วงศ์ษาสันต์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา พร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรให้การต้อนรับ โดยโรงเรียนวัดบางบอน (พิมพ์ จันแต้อุปถัมภ์) ดำเนินการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา และการศึกษาพิเศษ 2 รูปแบบ คือ เรียนร่วมเต็มเวลา และห้องเรียนพิเศษ จำนวน 5 ห้องเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ทั้งนี้ รองปลัดฯ อรัญญา เข้าตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนของชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
สำหรับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้รูปแบบการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม (Inclusive Education/Integration Education) ในการจัดการเรียนการสอนเด็กพิเศษ โดยเน้นการพัฒนาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล ตามความบกพร่องและความต้องการจำเป็นพิเศษของนักเรียน โดยรูปแบบและแนวทางการสอนหลัก แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. การเรียนร่วมในชั้นเรียนปกติ (Inclusion/Integration): เด็กพิเศษจะเรียนร่วมกับนักเรียนทั่วไปในชั้นเรียนปกติในวิชาที่ไม่ต้องใช้ทักษะความเข้าใจเชิงลึกมาก เช่น ดนตรี ศิลปะ พลศึกษา สุขศึกษา และวิชาอื่นๆ แต่ในวิชาที่ต้องใช้ทักษะความเข้าใจอย่างมาก เช่น คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ อาจมีการแบ่งแยกการเรียนการสอนออกจากกัน หรือมีการจัดชั้นเรียนพิเศษ/สอนเสริม 2. การจัดการสอนรายบุคคล (Individualized Instruction): ครูผู้สอนจะจัดการสอนที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล เพื่อให้นักเรียนกลุ่มเด็กพิเศษเข้าใจบทเรียนมากที่สุด เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการและความเข้าใจในทักษะบางด้านช้ากว่าเด็กปกติ โรงเรียนจะมีการวางแผนการศึกษาแบบรายบุคคล (Individualized Education Program – IEP) สำหรับเด็กพิเศษที่มีใบรับรองจากแพทย์ เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และส่งเสริมพัฒนาการให้แก่เด็กอย่างสูงสุด 3. การพัฒนาทักษะเฉพาะทาง: เน้นการจัดการเรียนการสอนแบบเข้มข้นในบางกรณี เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและทักษะที่จำเป็น เช่น อาจมีการปรับการสอนให้ไม่เน้นวิชาการมากนัก แต่เน้นการสอนให้รู้ถูก-ผิด และการรู้ทันภัยสังคมเพื่อพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและการปรับตัว 4. การคัดกรองและประเมินผล: ครูจะมีการสอดส่องดูแลพัฒนาการและพฤติกรรมของนักเรียนอย่างรอบด้าน หากพบนักเรียนบกพร่องทางพัฒนาการ จะแจ้งผู้ปกครองเพื่อร่วมตรวจสอบทางการแพทย์ และวางแนวทางพัฒนาเด็กอย่างเหมาะสมต่อไป
#เรียนดี #บริหารจัดการดี #โรงเรียนกทมเปลี่ยนไปแล้ว #การศึกษาพิเศษ #เด็กพิเศษ #เรียนฟรีมีคุณภาพ
————————-
