(20 ต.ค. 68) พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นผู้แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 13 กล่าว “สานพลังความร่วมมือขับเคลื่อนระบบสุขภาพ เขตสุขภาพเพื่อประชาชน” ในการประชุมเพื่อเสริมศักยภาพกลไกคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์ซี ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ และการประชุมทางไกลระบบ Zoom Meeting โดย นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีบทบาทสำคัญในการประสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการกำหนดทิศทาง เป้าหมาย ด้านสุขภาพของคนกรุงเทพฯ ผ่านกลไกของ กขป. เขต 13 ซึ่ง กทม. ยินดีเป็นเชือกหรือเส้นด้ายในแนวนอนที่จะมาผูกเชื่อมร้อยงานและบทบาทของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบูรณาการและสานพลังให้เกิดงานที่สำคัญจากภารกิจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีนโยบายสำคัญ 9 ดี 9 ด้าน ด้านสำคัญ คือ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครสามารถเข้าสู่ “Bangkok Healthy City” แล้ว หมายถึง คนกรุงเทพฯ ไม่ค่อยป่วย แนวคิดนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่กรุงเทพมหานครจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาให้ได้ ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมีโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน ซึ่งจากที่ กทม. ตรวจเอง ปัจจุบันตรวจได้ประมาณ 8 แสนกว่าคนแล้ว แต่ถ้านับคนที่ตรวจสุขภาพกับภาคส่วนอื่นเชื่อว่าจะเกิน 1 ล้านคน
จากการตรวจสุขภาพประชาชนพบว่า คนกรุงเทพฯ เกินครึ่งมีภาวะน้ำหนักเกิน ถือเป็นจุดเริ่มต้น รองลงมาพบ ไขมันสูง ที่สำคัญพบในคนกลุ่มอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งวัยรุ่นเริ่มมีไขมันสูงแล้ว ส่วนผู้สูงอายุมีแน่นอน จากจุดนี้จะเดินไปถึงเบาหวาน ไขมัน และโรคที่จะเป็นภาวะแทรกซ้อนคือ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ สมอง จอประสาทตา ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้อีก 5 ปี ถึง 10 ปี คนกรุงเทพฯ ครึ่งเมืองจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจ สายตาเลือนลางจนมองไม่เห็น
ปัญหาใหญ่คือจะทำอย่างไรให้ป้องกันโรคเหล่านี้ได้ ถ้าปล่อยไปแบบนี้บุคลากรทางการแพทย์คงไม่พอ คนกรุงเทพฯ ต้องมีทักษะสำคัญในการดูแลสุขภาพตนเอง เพราะการป้องกันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ อยากฝากผู้เข้าร่วมประชุมเพิ่มทักษะให้คนกรุงเทพฯ ฉลาดรู้ ฉลาดกิน เพราะในกรุงเทพฯ มีของกินหลากหลายที่อร่อย มีบุฟเฟต์ เป็นสิ่งที่ยั่วยวนใจ นอกจากนี้สามารถสั่งทางไรเดอร์เพิ่มความสะดวก จึงต้องทำให้ประชาชนฉลาดรู้ ฉลาดกิน และห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD)
รองปลัดฯ เลิศลักษณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้จากผลการตรวจสุขภาพพบว่า คนกรุงเทพฯ มีความเครียดเล็กน้อย 70% – 80% ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะความเครียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หากสะสมเกิน 24 ชั่วโมง สามารถเปลี่ยนจากความเครียมความกังวลเป็นโรคซึมเศร้า (Depression) และก็พบว่าตัวเลข Depression เพิ่มขึ้น 12% โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น จึงพบปัญหาคนมีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นคนกรุงเทพฯ ต้องมีทักษะการดูแลสุขภาพจิตตนเองด้วย คงต้องมีกลไกเชื่อมให้ประชาชนมีทักษะที่ดีขึ้นในการจัดการกับเรื่องเครียด ให้สามารถแก้ปัญหาแก้ปัญหาจากเรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ ได้ เพื่อไม่ให้ความเครียดพัฒนาไปเป็น Depression งานทางสุขภาพจะเดินไปได้ คนในเมืองต้องมีทักษะการจัดการดูแลสุขภาพตนเองทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
สำหรับการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ. 2559 รวมถึงเพื่อนำเสนอบทเรียนการทำงทำงานคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน และเพื่อจัดทำเป้าหมายการทำงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ชุดที่ 3 วาระดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2568 – 2572
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมรวม 706 คน ประกอบด้วย ประธานและรองประธานกรรมการ กขป. เขต 1 – 13 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและคณะกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เลขานุการร่วม กขป. เขตพื้นที่ 1 – 13 นักบริหารจัดการ กขป. เขตพื้นที่ 1 – 12 เจ้าหน้าที่ สช. และคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขต 1 – 13
#กทม #บริหารจัดการดี #สุขภาพดี
----------------------------------- (พัทธนันท์...สปส. รายงาน)