(11 ต.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกําธร นายกสมาคมดินโลก ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ร่วมเปิดงาน Kick off โครงการ “พฤกษามิตรภาพ เพาะกล้า 73 ล้านต้น” เนื่องในโอกาสวันดินโลก 2568 พร้อมเกี่ยวข้าวและเพาะกล้าไม้ร่วมกัน ณ อาสาชาวนามหานคร แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก
ภายหลังพิธีเปิดงานและกิจกรรมเกี่ยวข้าว-เพาะกล้าไม้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน โดยกล่าวถึงความสำคัญของดินในบริบทของเมือง ว่า “ดิน เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ของเมือง เพราะว่าดินเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดต้นไม้ ที่ช่วยเรื่องลดมลพิษ ลดฝุ่น และทำให้เกิดอาหาร แต่ที่ผ่านมา กทม. อาจจะละเลยเรื่องดินไป เพราะว่าเราอยู่ในเมืองชั้นใน มีแต่พื้นคอนกรีต วันนี้ก็เป็นวันที่ดีที่ได้มาร่วมงานเนื่องในโอกาสวันดินโลก กทม. พร้อมจะนำองค์ความรู้เกี่ยวกับดินไปพัฒนาและขยายผล เพื่อให้กรุงเทพฯ มีพัฒนาการด้านดินที่มีคุณภาพ และส่งผลให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มักสัมผัสแต่คอนกรีต ยางมะตอย และตึกรามบ้านช่อง แทบไม่สัมผัสดินเลย แต่แก่นของชีวิตมาจากดินทั้งนั้น จึงต้องกลับมาให้ความสำคัญ ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีนโยบายในการแยกขยะซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ เรามีขยะที่สามารถนำไปทำปุ๋ย วันละ 5,000 ตัน ถ้าเราเปลี่ยนขยะเป็นปุ๋ยไปบำรุงดิน ก็ทำให้ดินมีคุณภาพมากขึ้น
“ดินเป็นสมบัติของประเทศ ของทุกคน จึงต้องช่วยกันดูแล ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีนโยบายเรื่องดินที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และเพิ่มคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มทำในวันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตของลูกหลานในอนาคต” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ย้ำ
ด้าน ดร.วิวัฒน์ ได้กล่าวขอบพระคุณผู้ว่าฯ ชัชชาติ และทุกภาคส่วน พร้อมเน้นย้ำว่าจากหลักการทั้งหมด 43 หลักการ หรือกว่า 4,700 โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 “เรื่องดินเป็นเรื่องมีความสำคัญอันดับ 1” เพราะเมื่อดินเลวลง จะส่งผลถึงสุขภาพทุกคนเลวลงตาม เพราะอาหารกำเนิดจากดิน องค์ประกอบสำคัญที่สุดคือดิน
“ปัจจุบัน ดินดี หรือที่เรียกว่า ‘เฟอร์ไทล์ซอยล์ (Fertile Soil)’ ในโลกเรานี้เหลือน้อยมาก โดยหากเปรียบเทียบโลกเป็นผลส้มที่แบ่งเป็น 32 ชิ้น เหลือเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ให้เป็นอาหารมนุษย์ได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นดินเลว ด้วยเหตุนี้เกษตรกรทั้งโลกจึงยากจนลง เพราะผลผลิตตกต่ำลงเป็น 10 เท่า เมื่อเทียบกับในอดีตที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์กว่า ดีใจมากที่ผู้ว่าฯ จะเข้ามาร่วมมือในการพัฒนาดิน ซึ่งเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติพร้อมที่จะร่วมมือกับ กทม. ในทุกรูปแบบเพื่อทำให้ดินสมบูรณ์ สามารถปลูกต้นไม้เพื่อกักเก็บคาร์บอนได้มากขึ้น” ดร.วิวัฒน์ กล่าว
สำหรับโครงการ “พฤกษามิตรภาพ เพาะกล้า 73 ล้านต้น” จัดขึ้นเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านการปลูกต้นไม้ ซึ่งถือเป็นการ “ปลูกชีวิต ปลูกความหวัง และปลูกสันติสุขให้กับโลก” โดยมีเป้าหมายเพาะกล้าไม้จำนวน 73 ล้านต้น เพื่อมอบเป็น “ของขวัญแห่งชีวิต” แก่โลก ส่งต่อไปยังชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราในอาเซียนและทั่วโลก เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม พื้นที่แห้งแล้ง ทะเลทราย และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ผืนดินกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
โครงการนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟู ดิน น้ำ และป่า ซึ่งเป็นรากฐานของระบบนิเวศและหัวใจของความยั่งยืนของโลก โดยใช้แนวคิด “เพาะกล้าแบบคนจน” คือใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำอย่างประหยัดแต่เกิดผลจริง เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ด้วย “ใจล้านใจ” แทนที่จะรอความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีหรือเงินทุนจำนวนมาก
อีกทั้งยังสะท้อนถึง “มิตรภาพระหว่างสองศาสนา สองแผ่นดิน” อันเกิดจากการหารือความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์ไทยนำโดย เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และพระเถรานุเถระ กับท่านผู้นำแห่งองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ที่กรุงริยาด ซึ่งต่างเห็นพ้องกันว่า การสร้างสันติภาพเริ่มต้นจากการปลูกต้นไม้และดูแลสิ่งแวดล้อมให้บริสุทธิ์ สอดคล้องกับแนวทาง Green Saudi Initiative ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องการเปลี่ยนทะเลทรายเป็นพื้นที่สีเขียว และตรงกับหัวใจของสมาคมดินโลกที่เชื่อว่า “ดิน น้ำ ป่า คน” ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล จึงจะเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง
งาน Kick off โครงการพฤกษามิตรภาพฯ ในวันนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนการเพาะกล้าและฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ด้วยพลังของหัวใจและมิตรภาพจากทุกภาคส่วน โดยมี นายวรเกียรติ สุจิวโรดม ประธานอาสาชาวนามหานคร วิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้แทนหน่วยงานภาคีที่ได้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการจัดการดินอย่างยั่งยืน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมดินโลก มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย มูลนิธิดั่งพ่อสอน มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และกรมพัฒนาที่ดิน รวมทั้งเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติจากทุกจังหวัด เครือข่ายเพาะกล้า และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรม
—————————