
(27 ก.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “กรุงเทพมหานคร เมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่” ในงาน Smart and Livable City Expo 2025 ณ ห้อง 109 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) เขตคลองเตย
โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
1. เมืองต้องฉลาดพอเหมาะ และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า หัวใจของเมืองไม่ใช่เทคโนโลยีหรือตึก แต่คือ “ผู้คน” ดังนั้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จึงต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-Centric) ไม่ใช่เทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเมืองที่ฉลาดพอเหมาะ (Smart Enough City) หมายถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของเมืองและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนจริง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนหรือมีราคาแพงเสมอไป เนื่องจากกรุงเทพฯ มีงบประมาณจำกัด
โดยหัวใจหลักของเมืองฉลาดพอเหมาะ ประกอบด้วย 3 ปัจจัยที่ทับซ้อนกัน ได้แก่ People Desirable หมายถึง เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการและได้ประโยชน์ Business Viable หมายถึง ธุรกิจดำเนินการได้ การลงทุนต้องเหมาะสม มีความคุ้มค่า และ Technical Feasible หมายถึง เป็นไปได้ในเชิงเทคนิค
2. Traffy Fondue แพลตฟอร์มที่เปลี่ยนวิธีการทำงานราชการ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้ยก Traffy Fondue เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของวิธีการทำงานแบบ Smart Enough ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของ กทม. อย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ Traffy Fondue สามารถเปลี่ยนประชาชนกว่า 6 ล้านคนให้เป็นหูเป็นตาของเมือง ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทุกคนมีอยู่แล้วคือสมาร์ทโฟนในการแจ้งปัญหา โดย กทม. ไม่ต้องลงทุน นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนระบบการทำงานตามลำดับขั้นของระบบราชการ (Pipeline) ที่ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างล่าช้า มาเป็นการทำงานบนแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถแข่งขันกันให้บริการและแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส
“กว่า 3 ปีที่ผ่านมา มีการแจ้งเรื่องเข้ามาทาง Traffy Fondue มากถึง 1 ล้านเรื่อง และแก้ไขไปแล้วกว่า 870,000 เรื่อง โดยที่ผู้ว่าฯ ไม่ต้องลงนามแม้แต่ฉบับเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อ กทม. โดยจากสถิติพบว่าสามารถลดระยะเวลาการแก้ปัญหาเฉลี่ย จากเดิม 2 เดือน เหลือเพียง 1.9 วัน อีกทั้งข้อมูลจากแพลตฟอร์มยังสามารถนำไปใช้วัดผลการทำงานของแต่ละเขต และวางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
3. ตั้งเป้า “กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน”
ต่อมา ได้บรรยายถึงเป้าหมายสำคัญในการทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยกล่าวว่า เมืองที่น่าอยู่จะสามารถดึงดูดและรักษาคนเก่ง (Talent) เอาไว้ได้ ซึ่งเมื่อมีคนเก่ง นวัตกรรมและการลงทุนก็จะตามมา ทั้งนี้ ปัจจุบันกรุงเทพฯ เป็นเมืองอันดับ 1 ของเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก แต่กลับถูกจัดอันดับเมืองน่าอยู่เพียงอันดับที่ 98 ตามดัชนีชี้วัดของ EIU ซึ่งเป้าหมายคือการผลักดันให้ขึ้นไปติด 1 ใน 50 เมืองน่าอยู่ของโลกให้ได้ พร้อมยกตัวอย่างเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งเคยเป็นเมืองที่มีมลพิษสูงแต่สามารถพัฒนาจนกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกได้
“การจะไปถึงเป้าหมาย ‘เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน’ ได้ จะต้องมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน จึงได้กำหนดนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี และมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน 226 ข้อ เพื่อทำให้เป้าหมายเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงสโลแกน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ย้ำ
จากนั้นจึงได้ยกตัวอย่างการดำเนินงานใน 9 ด้าน 9 ดีที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง และกล่าวถึงหลักการบริหารแบบ “Tight-Loose-Tight” เพื่อแก้ปัญหาความเฉื่อยของระบบราชการ โดย Tight (ตึง) แรก คือ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น ต้องปลูกต้นไม้กี่ต้น ปรับปรุงทางเท้ากี่เมตร Loose (หย่อน) คือ การให้อิสระแต่ละหน่วยงานในการหาวิธีการของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และ Tight (ตึง) คือ การกลับมาวัดผลอย่างเข้มข้นว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่
“การพัฒนาเมืองต้องทำทั้งสองมิติไปพร้อมกัน คือ Smart City ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ควบคู่ไปกับ Livable City โดยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อให้เมืองเป็นที่ที่ทุกคนอยากอยู่ เชื่อมั่นว่ากรุงเทพฯ จะดีขึ้น และเทคโนโลยีของผู้เข้าร่วมงานจะสามารถช่วยเมืองของเราให้ดีขึ้นได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับงาน Smart & Livable City Expo 2025 เป็นเวทีนวัตกรรมที่จะรวมพลังจากทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการจากไทยและต่างประเทศ กว่า 20 ราย เพื่อสร้างสรรค์ Smart Solutions ด้าน Water Management, Air Quality Control, Waste Management และ Traffic Management ที่จะมาช่วยออกแบบอนาคตเมืองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น 1 ห้อง 109 โดยบริษัท สมาร์ท แอนด์ ลิฟเอเบิล ซิตี้ จำกัด ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (TED Fund) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย เวทีเสวนา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเมืองอัจฉริยะ Business Matching เชื่อมโยงธุรกิจและเมือง สร้างโอกาสความร่วมมือใหม่ Use Cases จริง จากหน่วยงานที่ลงมือทำและเห็นผลลัพธ์ และ Showcase นวัตกรรม และโซลูชันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
—————————