สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม 25 องค์กร จัดกิจกรรม Action Day PM2.5 BKK “กทม. ชวนภาคีขยับเรื่อง ฝุ่นเมือง ด้วยกัน” เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดย นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึง ฤดูหนาวช่วงต้นเดือนพ.ย.-ปลายเดือน เม.ย.ของทุกปี
ซึ่งอันตรายของฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่า ฝุ่น PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรังและโรคมะเร็ง ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลต่อสุขภาพตนเองและคน ใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่างๆ ในปี 2559 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการ ว่า ประเทศไทยจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษอากาศถึง 6,330 ราย แนวโน้ม เพิ่มขึ้นทุกปี ปี 2563 พบรายงาน ผู้ป่วยมะเร็งปอด 122,104 ราย คิดเป็น 186.26 ต่อแสนประชากร
“ตั้งแต่ปี 2556 WHO ได้กำหนด ให้ฝุ่น PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ จะพบการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ทุกระดับค่า PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร โดยเสียชีวิตจากมะเร็ง ปอดร้อยละ 21 โรคหัวใจร้อยละ 14 ตามลำดับ สสส. จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งและเร่งสานพลังภาคีเครือข่ายแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน” นพ.ไพโรจน์ กล่าว
นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า สสส. ร่วมขับเคลื่อนทั้งพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เน้นหนุนเสริม ให้เกิดการมีส่วนร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา ภาควิชาการ และการสื่อสารสาธารณะ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ตามยุทธศาสตร์ไตรพลัง คือ พลังสังคม พลังความรู้ และพลังนโยบาย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กิจกรรม Action Day PM2.5 BKK วันนี้ ภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกัน แสดงพลังแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนเกิดความตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 สร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาด้านสุขภาพ พิษภัยของการปล่อยมลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพต่อทั้งผู้ปล่อยมลพิษและ คนรอบข้าง ถือเป็นความร่วมมือ ในการเตรียมพร้อมเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้น ในระยะยาว
“หน่วยงานภาคีเครือข่าย Earth Hour จำนวน 44 หน่วยงาน ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลังความ ร่วมมือร่วมลดฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วง ที่กรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น ในรูปแบบต่างๆ อาทิ Work from Home การเหลื่อมเวลาทำงาน การใช้รถขนส่งสาธารณะ เพื่อลดปริมาณการเดินทาง การปล่อย ควันเสียจากรถยนต์ การหันมาใช้รถยนต์ ไฟฟ้า การประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้พนักงานในหน่วยงานลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง หรือทำกิจกรรมลดฝุ่นที่สามารถทำได้โดยไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานอื่นๆ ได้ร่วมกันลดปัญหาฝุ่น เมืองหลวงต่อไป” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 1 ก.พ. 2566