กทม. ประกาศเจตนารมณ์สู่การเป็น “เมืองสิทธิมนุษยชน” ตอกย้ำพันธกิจเพื่อทุกคนอย่างยั่งยืน

(28 ส.ค. 68) เวลา 15.08 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร: นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกล่าวคำประกาศเจตนารมณ์ที่จะขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่การเป็น “เมืองสิทธิมนุษยชน” (Bangkok Human Rights City) อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นไปตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights)

“กรุงเทพมหานครเชื่อมั่นว่าสิทธิมนุษยชนคือหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข การประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้เป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็น ‘เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน’ ที่ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ได้เข้ารับตำแหน่ง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างเสมอภาค มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Human Dignity) ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและให้เกียรติ โดยไม่คำนึงถึงสถานะใด ๆ และได้เข้าถึงบริการและโอกาสอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว

● ความหมายของเมืองสิทธิมนุษยชน

เมืองสิทธิมนุษยชน คือเมืองที่การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นและประชาชนทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้หลักสิทธิมนุษยชนสะท้อนอยู่ในกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติประจำวัน โดยให้ความสำคัญกับความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้ทุกเสียงได้รับการรับฟัง

● จากนโยบายสู่การปฏิบัติเพื่อสิทธิมนุษยชนในชีวิตจริง

กรุงเทพมหานครตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งของการทำงานในระดับเมือง ในการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค และการพัฒนาที่ครอบคลุมในระดับท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาได้มุ่งมั่นทำงานเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านยุทธศาสตร์ 9 ด้าน 9 ดี โดยได้เปลี่ยนแนวคิดให้เป็นการปฏิบัติจริงซึ่งครอบคลุมหลายมิติสำคัญ อาทิ

  • ด้านการศึกษาและการเข้าถึงโอกาส เช่น การจัดให้มีการเรียนร่วมสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนสังกัด กทม. 158 แห่ง การเปิดโอกาสให้ลูกของแรงงานข้ามชาติเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง การจ้างงานคนพิการ จำนวน 407 คน
  • ด้านคุณภาพชีวิตและสวัสดิการ เช่น การเปิด BKK Food Bank ครบทั้ง 50 สำนักงานเขต เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งการแบ่งปันจากคนที่มีเกินไปสู่คนที่ยังขาด โดยส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางแล้ว 178,690 คน รวม 2,012,855 มื้อ จากความร่วมมือของประชาชนและองค์กร 8,556 ราย การปรับปรุงอาคารและสถานที่ของ กทม. ได้แก่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร อาคารสำนักงานเขต และโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลัก Universal Design (UD) รวมถึงการพัฒนาทางเท้ามาตรฐานใหม่ตามหลัก UD จำนวน 87 เส้นทาง รวมระยะทาง 774 กิโลเมตร เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้สะดวก
  • ด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม เช่น การเปิดให้บริการคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย (BKK Pride Clinic) การสนับสนุนการแต่งกายตามเพศสภาพ การเปิดพื้นที่ชุมนุมสาธารณะตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงยังเป็นแหล่งงานที่สร้างรายได้ให้กับแรงงานข้ามชาติ การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง เป็นต้น

● ความร่วมมือคือหัวใจ: เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสร้าง “กรุงเทพฯ เมืองสิทธิมนุษยชน”

แม้จะมีความก้าวหน้า แต่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนยังมีอีกหลายประเด็นซึ่งกรุงเทพมหานครไม่อาจทำได้เพียงลำพัง จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ชุมชน ผู้นำศาสนา ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ ตลอดจนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนและสานต่องานด้านสิทธิมนุษยชนในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเมืองอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสถาบันของอาเซียนและพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือในการพัฒนาเมืองที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นหลัก โดยเชื่อมั่นว่าความตั้งใจในการพัฒนาให้เป็นเมืองสิทธิมนุษยชนนี้ จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และอนาคตที่ทุกคนสามารถดำรงชีวิตด้วยศักดิ์ศรี ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และได้รับความเคารพซึ่งกันและกัน

“กรุงเทพมหานครจึงขอยืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่และจริงจังที่จะขับเคลื่อนเมืองนี้สู่การเป็น ‘เมืองสิทธิมนุษยชน’ อย่างเต็มรูปแบบ และขอเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองที่เคารพในศักดิ์ศรี ทุกคนมีส่วนร่วม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ย้ำในตอนท้าย

สำหรับการประกาศเจตนารมณ์วันนี้ รศ.ทวิดา กมลเวชช และ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภาณุมาศ สุขอัมพร นางสาววิลาวัลย์ ธรรมชาติ และ ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงคณะผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร และคณะทูตจากนานาประเทศ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดร.เสรี นนทสูติ กรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการโครงการมูลนิธิฟรีดริช เนามัน สำนักงานประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดี นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดร.เบอร์นาเดีย อิราวตี จันทราเดวี เลขาธิการใหญ่ องค์การเมืองท้องถิ่นแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นายรอล์ฟ ริง รองผู้อำนวยการบริหาร สถาบันราอูล วอลเลนเบิร์กว่าด้วยกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม นายคัง กีจุง นายกเทศมนตรีเมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลี กล่าวในคลิปแสดงความยินดี

—– (มุทิตา/จิรัฐคม…สปส.รายงาน)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200