พลิกวิกฤตน้ำเสียเป็นพลังฟื้นฟูเมือง กทม. เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียใน 22 เขต ตามข้อบัญญัติใหม่ มีผลบังคับใช้ 12 สิงหาคม 2568 พร้อมเชิญชวนสถานประกอบการร่วมสร้างมหานครสิ่งแวดล้อมยั่งยืน 

 

 

(19 ส.ค. 68) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า มลพิษทางน้ำเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ คุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชน รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวม กรุงเทพมหานครมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาโดยการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวม ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 เปิดเดินระบบแล้ว 9 แห่ง ได้แก่ โรงควบคุมคุณภาพน้ำสี่พระยา โรงควบคุมคุณภาพน้ำรัตนโกสินทร์ โรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี โรงควบคุมคุณภาพน้ำหนองแขม โรงควบคุมคุณภาพน้ำทุ่งครุ โรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง โรงควบคุมคุณภาพน้ำจตุจักร ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อกรุงเทพมหานคร และโรงควบคุมคุณภาพน้ำมีนบุรี ระยะที่ 1 ครอบคลุมพื้นที่บริการ 23 เขต หรือประมาณ 196 ตารางกิโลเมตร สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 1,122,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยการเดินระบบบำบัดน้ำเสียดังกล่าวใช้งบประมาณกว่า 800 ล้านบาทต่อปี 

 

“ผู้ใดก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” หรือ “Polluter Pays Principle” เป็นหลักสากลที่ใช้ในการจัดการมลพิษ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้นำหลักดังกล่าวมาใช้ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้การดูแลบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2547 เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซึ่งใช้ หรือได้ประโยชน์จากบริการสาธารณะที่กรุงเทพมหานครจัดให้มีขึ้น และมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ด้วยเจตนารมณ์ให้แหล่งกำเนิดน้ำเสียต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามลพิษ โดยมีระเบียบและประกาศกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง จำนวน 7 ฉบับ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ทำให้กฎหมายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียของเดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป

 

สำหรับพื้นที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย จะอยู่ในขอบเขตพื้นที่บริการ 8 บริเวณของโรงควบคุมคุณภาพน้ำ 8 แห่ง ได้แก่ โรงควบคุมคุณภาพน้ำสี่พระยา โรงควบคุมคุณภาพน้ำรัตนโกสินทร์ โรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี โรงควบคุมคุณภาพน้ำหนองแขม โรงควบคุมคุณภาพน้ำทุ่งครุ โรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง โรงควบคุมคุณภาพน้ำจตุจักร และศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อกรุงเทพมหานคร รวมพื้นที่ประมาณ 192 ตารางกิโลเมตร ใน 22 เขต ได้แก่ เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ บางรัก สาทร บางคอแหลม ยานนาวา ดินแดง ราชเทวี พญาไท ปทุมวัน บางซื่อ จตุจักร ห้วยขวาง หนองแขม บางแค ภาษีเจริญ ดุสิต ทุ่งครุ จอมทอง ราษฎร์บูรณะ และหลักสี่ ส่วนโรงควบคุมคุณภาพน้ำมีนบุรี ระยะที่ 1 เป็นโรงควบคุมคุณภาพน้ำแห่งที่ 9 ของกรุงเทพมหานคร เปิดเดินระบบเมื่อปลายปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่บริการบำบัดน้ำเสีย จึงยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย 

 

ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมระยะแรก จะนำร่องจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียเฉพาะแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 3 ทุกรายในพื้นที่บริการ 8 แห่ง ประมาณ 2,600 ราย ในอัตราค่าธรรมเนียม 8 บาท/ลบ.ม. ได้แก่ ประเภท 3 (ก) โรงแรม ประเภท 3 (ข) โรงงาน ประเภท 3 (ค) สถานประกอบการที่มีการใช้น้ำเกิน 2,000 ลบ.ม./เดือน และประเภท 3 (ง) สถานที่ที่ใช้ประโยชน์ลักษณะคล้ายคลึงกันกับ (ก) ถึง (ข) ที่เข้าข่ายต้องชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียตามกฎหมาย ซึ่งสามารถแสดงเจตนารมณ์ตามกฎหมาย โดยมีทางเลือกดังนี้ ผ่านระบบการยื่นแบบคำร้อง/คำขอ/รายงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียที่ https://tariffconnect.bangkok.go.th 1.คำขอรับบริการบำบัดน้ำเสีย กรณีไม่ต้องการเดินระบบบำบัดน้ำเสียเต็มรูปแบบ (รบ.1) 2.คำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย กรณีเดินระบบเองได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด (ยว.1) 3.คำขอรายงานปริมาณการใช้น้ำบาดาล กรณีใช้น้ำบาดาลไม่ได้ใช้น้ำประปา (ปก.1) 4.คำขอติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำเสียจากแหล่งกำเนิดน้ำเสีย กรณีปริมาณการใช้น้ำไม่สัมพันธ์กับปริมาณน้ำเสีย (นท.1) เช่น โรงงานผลิตน้ำดื่ม น้ำแข็ง เป็นต้น หรือติดต่อกรอกแบบคำร้องต่างๆ ได้ที่สำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ สำนักการระบายน้ำ ในส่วนแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 1 และ 2 ที่ได้ขอรับบริการบำบัดน้ำเสียรวมของกรุงเทพมหานคร ก่อนวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ (ประมาณ 300 ราย) และที่จะขอรับบริการบำบัดน้ำเสียหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ จะต้องจ่ายอัตราค่าธรรมเนียม ในอัตราดังนี้ ประเภทที่ 1 อัตราค่าธรรมเนียม 2 บาท/ลบ.ม. ได้แก่ ประเภท 1 (ก) บ้านเรือนที่พักอาศัย ประเภท 1 (ข) อาคารประเภทอาคารชุด คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ หอพัก รวมทั้งอาคารที่อยู่อาศัยรวม และแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 2 อัตราค่าธรรมเนียม 4 บาท/ลบ.ม. ได้แก่ ประเภท 2 (ก) หน่วยงานของรัฐหรืออาคารที่ทำการของเอกชนหรือองค์กรระหว่างประเทศ ประเภท 2 (ข) มูลนิธิ ศาสนสถาน สถานสาธารณกุศล ประเภท 2 (ค) โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ประเภท 2 (ง) โรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภท 2 (จ) สถานประกอบการ ที่มีการใช้น้ำไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./เดือน ประเภท 2 (ฉ) สถานที่ที่ใช้ประโยชน์ลักษณะคล้ายคลึงกันกับ (ก) ถึง (ง) โดยคิดอัตราค่าธรรมเนียมจากร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำประปา สำหรับประโยชน์ของการชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยถูกกว่าการเดินระบบบำบัดน้ำเสียของตนเอง ลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเดินระบบบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสิ่งแวดล้อมทางน้ำยั่งยืน และต่อยอดการจัดการน้ำเสียโดยการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติมในอนาคต 

 

ทั้งนี้ แหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 3 ที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ต้องยื่นคำขอรับบริการบำบัดน้ำเสียตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานคร ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ที่เป็นกลุ่มที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียถือเป็นภาคสมัครใจ หากยื่นคำขอรับบริการบำบัดน้ำเสีย ก็ต้องชำระค่าธรรมเนียมฯ ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้สามารถขอรับบริการบำบัดน้ำเสียจากกรุงเทพมหานครทุกราย จะได้รับหนังสือรับรองการขอรับบริการบำบัดน้ำเสียจากกรุงเทพมหานครเป็นหลักฐาน ส่วนสถานที่รับชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสแกน QR code / barcode ผ่าน Mobile banking ของธนาคารที่ให้บริการชำระบิลข้ามธนาคารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ สำนักการระบายน้ำ โทร. 0 2203 2657 

 

“มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกวิกฤตน้ำเสีย ให้กลายเป็นพลังแห่งการฟื้นฟูเมือง ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง ร่วมสร้างมหานครที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป เพียงแค่เราร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ก็เท่ากับเราได้มีส่วนสำคัญในการดูแลทรัพยากรน้ำอันมีค่า คืนความสะอาดให้กับแม่น้ำลำคลอง และระบบนิเวศให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” โฆษกฯ กทม. ย้ำในตอนท้าย

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ebooks.dds.bangkok.go.th/viewbook/view_free_pdf.php?pid=57

 

—– (จิรัฐคม…สปส.รายงาน) 

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200