(23 ก.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 4) พ.ศ. 2568 โดยมีนายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ในญัตติที่ น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตสายไหม ได้เสนอเพื่อขอให้กรุงเทพมหานครแก้ไขปัญหามูลฝอยตกค้างและกำหนดแนวทางการจัดเก็บขยะมูลฝอยให้มีประสิทธิภาพ ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง

โดย น.ส.รัตติกาล ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอย ดังนี้ 1. มีการเกลี่ยอัตรากำลังในแต่ละเขตให้เป็นไปตามความเหมาะสม 2. เพิ่มจำนวนถังขยะ ช่วยลดคนและเวลาในการจัดเก็บ 3. จัดจ้าง Outsource เนื่องจาก กทม. หาพนักงานจัดเก็บขยะได้ยาก 4. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการช่วยเก็บขยะ 5. ส่งเสริมการคัดแยกขยะ และ 6. เพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการเจ้าหน้าที่

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การแยกขยะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกรุงเทพฯ ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก ถ้าเป็นเรื่องง่ายคงทำเสร็จไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ขยะเกิดจากพวกเราเป็นคนก่อ ไม่ได้มาจากธรรมชาติ สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องกันช่วยกันแยกขยะ อีกหน่อยขยะจะมีมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นขวดหรือขยะเปียกก็ตาม เราหวังว่าในอนาคต หากประชาชนเข้าใจการแยกขยะ สุดท้ายจะไม่มีขยะให้เราเก็บ ฉะนั้น การแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและยั่งยืน

ขณะที่ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเรามีขยะเฉลี่ย 1 วัน อยู่ที่ 9,397 ตัน ขณะที่มีเรื่องร้องเรียน 13,965 เรื่อง พนักงานขับรถมีอัตราว่างอยู่ 220 อัตรา พนักงานเก็บขนว่าง 423 อัตรา เหตุผลคืองานหนัก คนมาสมัครน้อย ติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ รวมถึงรถเก็บขยะใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะต้องเร่งแก้ปัญหาต่อไป

ในส่วนพื้นที่เขตสายไหมมีเนื้อที่ 44.50 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณขยะในพื้นที่วันละ 267.46 ตัน มีการบริหารจัดการการเก็บขยะมูลฝอยโดยใช้รถขยะจำนวน 40 คัน พนักงานทั้งหมด 109 คน
———————-

#บ้านนี้ไม่เทรวม #แยก20ไม่แยก60 #แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง #สิ่งแวดล้อมดี #ไม่เทรวมเริ่ม1สิงหา #ไม่เทรวม