“ สภากทม.จะร่วมผลักดันเพื่อเดินหน้าสู่กทม.สีเขียว
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่เข้าร่วมภารกิจจะเร่งนำข้อมูลกลับมาเสนอผ่านการตั้งญัตติและกระทู้ต่อสภากทม. ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย บนพื้นฐานของความรู้และความร่วมมือจากต่างประเทศ”
นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวในโอกาสนำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เดินทางเยือนมหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการขยะ กับสภาประชาชนนครเซี่ยงไฮ้ ภายใต้คำเชิญของนางสาวหวง ลี่ซิน ประธานสภาเทศบาลฯ ระหว่างวันที่ 16–20 มิถุนายน 2568

ในโอกาสนี้คณะได้ร่วมประชุมหารือด้านสิ่งแวดล้อมกับ Mr. Wu Qizhou (นาย หวู ชี่โจว) รองผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมนิเวศวิทยาแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้
รองผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมนิเวศวิทยาแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ มีประชากรประมาณ 25 ล้านคน และประชากรแฝงอีก 3 ล้านคน รวม 28 ล้านคน มีจำนวนขยะที่จัดเก็บได้วันละ 28,000 ตัน การบริหารจัดการขยะของเซี่ยงไฮ้ เพิ่งได้ผลเป็นรูปธรรมเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกขยะมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 หรือกว่า 20 ปีมาแล้ว โดยรัฐบาล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ มีการผลักดันเรื่องการแยกขยะ จนในที่สุดสภาประชาชนนครเซี่ยงไฮ้ได้เห็นชอบข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแยกขยะ รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยทางสภาฯ ได้มีการติดตามการดำเนินงานของรัฐบาล รวมถึงสภาเขตทุกแห่งได้ติดตามการดำเนินงานในพื้นที่ของตนเองอย่างจริงจัง มีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน มีกระบวนการจัดการการคัดแยก การกำจัดขยะ โดยนิติบุคคลของหมู่บ้าน ที่พักอาศัยจะเป็นผู้ติดตามการดำเนินการคัดแยกขยะของลูกบ้าน มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด การปรับเงินผู้กระทำผิด ฯลฯ จนกระทั่งชาวนครเซี่ยงไฮ้ก็คัดแยกขยะจนเป็นนิสัยและเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ในส่วนของการขนถ่ายขยะไปที่โรงกำจัดขยะ โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมนิเวศวิทยาแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ไม่มีการเก็บค่าบริการหรือค่าขยะจากประชาชน โรงเรียน แต่ในส่วนของ ภาคเอกชน ต้องเสียค่าขยะตามอัตราที่กำหนด โดยหน่วยงานที่ให้บริการขนถ่ายและกำจัดขยะ จะมีรายได้จากการจำหน่ายขยะแห้งหรือขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ และขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้จะนำไปขายให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าอีกทางหนึ่ง
นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม คนที่สอง สภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภากรุงเทพมหานครได้เห็นชอบข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 โดยเป็นการปรับปรุงข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข โดยฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครกำหนดให้ประชาชนหรือเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัย ลงทะเบียนร่วมโครงการคัดแยกขยะ และได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการเก็บขนขยะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมมือลดและคัดแยกมูลฝอยที่แหล่งกำเนิดอย่างจริงจัง โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้
“ข้อบัญญัติใหม่ฯ เรื่อง ค่าธรรมเนียมการจัดการขยะ ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว โดยประชาชนที่ร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และลงทะเบียนกับกทม. จะได้รับ ส่วนลดค่าธรรมเนียมจัดเก็บขยะ นอกจากนี้ กทม. ยังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการใช้รถเก็บขยะพลังงานสะอาด (EV) การควบคุมขยะรีไซเคิล และการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองหลวงที่เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน” นางกนกนุช กล่าว
จากนั้นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ยังได้ร่วมกันซักถามและแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ อาทิ การใช้รถเก็บขยะที่เป็นรถพลังงานสะอาด หรือรถ EV แทนรถสันดาบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมของมหานครเซี่ยงไฮ้ เพื่อนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบ ติดตามการทำงานของหน่วยงานกรุงเทพมหานครให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป
นอกจากการประชุมแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว คณะฯ ยังได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับสำนักงานการเข้าถึงชุมชนทางกฎหมาย สำนักงานการวางผังเมืองเซี่ยงไฮ้ คณะกรรมการสามัญประจำสภาประชาชนเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ คณะกรรมาธิการการคมนาคมและการขนส่ง แห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ และสำงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่ร่วมประชุมในครั้งนี้จะสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอสภากรุงเทพมหานครผ่านการตั้งกระทู้ ญัตติ และการสอบถามโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านคณะกรรมการสามัญประจำสภากรุงเทพมหานครเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับแนวทางการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครต่อไป