(3 ก.พ. 68) เวลา 13.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ
ติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 แพลนท์ปูนบริษัท ทีพีไอคอนกรีต จำกัด ถนนราษฎร์บูรณะ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด ตรวจสอบเครื่องพ่นละอองน้ำให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปรับปรุงรั้วโดยรอบแพลนท์ปูนให้มีความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร โดยด้านล่างให้เป็นรั้วทึบ 4 เมตร ด้านบนเป็นรั้วโปร่ง 2 เมตร ตรวจสอบบ่อคายกากคอนกรีตและบ่อตกตะกอนไม่ให้มีเศษตะกอนสะสม ล้างทำความสะอาดพื้นอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้น้ำปูนหรือเศษหินเศษทรายตกค้าง ตรวจวัดค่าควันดำรถโม่ปูนให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามรอบที่กำหนด นอกจากนี้ เขตฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการตรวจสอบและควบคุมสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ประเภทสถานประกอบการที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) 8 แห่ง ประเภทแพลนท์ปูน 3 แห่ง ประเภทสถานที่ก่อสร้าง 3 แห่ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 กำชับสถานประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมค่าฝุ่น PM2.5 ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จํากัด (มหาชน) พื้นที่ 27.6 ไร่ มีพนักงาน 500 คน เข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ ตั้งแต่ปี 2567 วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ พนักงานแยกทิ้งขยะเศษอาหารในจุดที่กำหนด เขตฯ ดำเนินการจัดเก็บ 2.ขยะรีไซเคิล แยกประเภททิ้งในจุดที่กำหนด รวบรวมให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้หรือบริจาคหน่วยงานเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ 3.ขยะทั่วไป พนักงานคัดแยกขยะทั่วไปทิ้งในจุดที่กำหนด เขตฯ ดำเนินการจัดเก็บ 4.ขยะอันตราย แยกประเภทขยะอันตราย รวบรวมให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม มีผู้รับไปกำจัดที่กรมโรงงานอนุญาต สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 1,300 กิโลกรัม/วัน หลังคัดแยก 500 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลก่อนคัดแยก 18,500 กิโลกรัม/เดือน หลังคัดแยก 15,000 กิโลกรัม/เดือน ขยะอินทรีย์ก่อนคัดแยก 300 กิโลกรัม/เดือน หลังคัดแยก 120 กิโลกรัม/เดือน ขยะอันตรายก่อนคัดแยก 10,000 กิโลกรัมเดือน หลังคัดแยก 9,700 กิโลกรัม/เดือน ขยะติดเชื้อก่อนคัดแยก 1 กิโลกรัม/เดือน หลังคัดแยก 0.2 กิโลกรัม/เดือน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำในการคัดแยกประเภทต่าง ๆ เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยฉบับใหม่
พัฒนาสวน 15 นาที บริเวณซอยสุขสวัสดิ์ 30 ซึ่งเขตฯ ปรับปรุงพื้นที่ว่าง ปลูกต้นไม้เพิ่มเติม เพื่อความร่มรื่นและสวยงาม ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนใหม่) จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ 1.สวนสุขเวชชวนารมย์ ซอยสุขสวัสดิ์ 26 แยก 2 พื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา 2.สวนวัดแจงร้อน ซอยราษฎร์บูรณะ 37 พื้นที่ 1 ไร่ 3.สวนซอยราษฎร์บูรณะ 1 พื้นที่ 1 ไร่ 1งาน 82 ตารางวา 4.สวนหน้าคอนโดแชปเตอร์วัน ซอยราษฎร์บูรณะ 33 พื้นที่ 2 ไร่ 3 งาน 34.20 ตารางวา 5.สวนซอยสุขสวัสดิ์ 26 แยก 9 พื้นที่ 2 งาน 61 ตารางวา อยู่ระหว่างดำเนินการ 6.สวนซอยสุขสวัสดิ์ 54 พื้นที่ 84 ตารางวา อยู่ระหว่างดำเนินการ 7.สวนซอยสุขสวัสดิ์ 30 พื้นที่ 3 งาน อยู่ระหว่างดำเนินการ 8.สวน 15 นาที แฟลตทหารเรือสุขสวัสดิ์ 26 พื้นที่ 1 งาน 40 ตารางวา อยู่ระหว่างขอใช้พื้นที่ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจพื้นที่ว่างที่มีความเหมาะสมเพื่อจัดทำสวน 15 นาทีให้ครบทั้ง 10 แห่ง ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของชุมชน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับในการเข้ามาใช้บริการอย่างแท้จริง
พร้อมกันนี้ ได้สอบถามถึงการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 1 จุด คือหน้าโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ผู้ค้า 9 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-19.00 น. ซึ่งในปี 2567 เขตฯ ยกเลิกจุดทำการค้า 1 จุด บริเวณซอยราษฎร์บูรณะ 16 ผู้ค้า 4 ราย ยกเลิกวันที่ 30 เมษายน 2567 ในปี 2568 เขตฯ ยกเลิกจุดทำการค้า 1 จุด บริเวณซอยสุขสวัสดิ์ 26 ผู้ค้า 22 ราย ยกเลิกวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นอกจากนี้ เขตฯ ได้จัดทำ Hawker center จำนวน 3 จุด ได้แก่ 1.บริเวณซอยราษฎร์บูรณะ 22 พื้นที่ 30 ตารางวา สามารถรองรับผู้ค้าได้ 60 ราย ช่วงเวลาทำการค้า รอบเช้า 06.00-14.00 น. รอบบ่าย 15.00-21.00 น. มีผู้ค้าเข้าไปทำการค้า 24 ราย 2.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 วัดแจงร้อน รองรับผู้ค้าได้ 4 ราย มีผู้ค้าเข้าไปทำการค้า 4 ราย 3.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สุขสวัสดิ์ 26 รองรับผู้ค้าได้ 9 ราย มีผู้ค้าเข้าไปทำการค้า 4 ราย 4.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 ซอยราษฎร์บูรณะ 23 รองรับผู้ค้าได้ 8 ราย มีผู้ค้าเข้าไปทำการค้า 5 ราย จัดเก็บค่าเช่าในอัตราที่เจ้าของพื้นที่กำหนด ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ กำชับผู้ค้าไม่ให้ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำเข้ามาในทางเท้า รวมถึงขอความร่วมมือผู้ค้าให้จัดเก็บอุปกรณ์ทำการค้าและทำความสะอาดพื้นที่หลังเลิกทำการค้าในแต่ละวัน จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าในแต่ละจุดให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67
ในการนี้ นายดลจิตร์ เสรีรักษ์ ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตราษฎร์บูรณะ สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล
สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #เศรษฐกิจดี
—– (จิรัฐคม…สปส. รายงาน)