กทม. บูรณาการความร่วมมือตรวจสอบร้านอาหาร-ร้านจำหน่ายสินค้าจีนย่านห้วยขวางและอาร์ซีเอ
นางชุติสา ศาสตร์สาระ ผู้อำนวยการเขตดินแดง กทม. กล่าวถึงการตรวจสอบร้านค้าในย่านห้วยขวางและอาร์ซีเอ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารจีนและร้านจำหน่ายสินค้าจากจีนว่า สำนักงานเขตฯ ได้ติดตามตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่ให้ดำเนินกิจการโดยไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือสุ่มเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยของประชาชนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เขตดินแดง โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเขตดินแดง สถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ สถานีดับเพลิงและกู้ภัย เพื่อตรวจสอบกวดขันสถานประกอบการให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง พร้อมจัดทำแผนลงพื้นที่เพิ่มเติม ดำเนินการประสานกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบสถานประกอบการของกลุ่มธุรกิจต่างชาติ เพื่อกวดขันให้เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวต่อไป
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบร้านฉงชิ่ง เกาเก้า บริเวณถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง มีการดัดแปลงเป็นร้านอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอาคารดังกล่าวเคยได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร เพื่อใช้เป็นอาคารพาณิชย์พักอาศัย ซึ่งสำนักงานเขตฯ พร้อมสำนักการโยธา (สนย.) กทม. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับตัวแทนเจ้าของอาคาร พบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร อาทิ ดัดแปลงอาคารให้ผิดไปจากแบบที่ได้รับอนุญาต ใช้อาคารเพื่อกิจการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ดัดแปลง หรือใช้ หรือยินยอมให้บุคคลอื่นดัดแปลง เพื่อใช้ที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้าออกของรถให้ผิดไปจากแบบที่ได้รับอนุญาต สำนักงานเขตฯ จึงได้มีหนังสือที่ กท 7603/52 ลงวันที่ 16 ต.ค. 67 ให้บริษัท ขุมทอง รัชดา จำกัด (เจ้าของอาคาร) แสดงพยานเอกสารหลักฐานใบอนุญาตให้ทำการดัดแปลงอาคารต่อสำนักงานเขตฯ ภายใน 15 ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งปัจจุบันพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว เจ้าของอาคารยังไม่แสดงเอกสารหลักฐานให้ทราบ ส่วนความผิดฐานดัดแปลงอาคารผิดไปจากแบบที่ได้รับอนุญาต ขณะนี้อยู่ระหว่างประสาน สนย. เพื่อขอถ่ายใบอนุญาตและแบบแปลน เพื่อประกอบการดำเนินการตรวจสอบตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนความผิดฐานมีการใช้เพื่อกิจการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาตจากอาคารประเภทไม่ควบคุมการใช้ เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างมีคำสั่งให้ระงับการใช้อาคารและมีคำสั่งให้ระงับการใช้พื้นที่ หรือสิ่งที่สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้า-ออกของรถ เพื่อการอื่น
นอกจากนี้ สำนักงานเขตฯ ยังมีแผนการตรวจประเมินเพื่อให้การรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัยของ กทม. ที่ดำเนินการตรวจสุขลักษณะของสถานที่ประกอบกิจการและมีการสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารเพื่อทดสอบความปลอดภัย โดยบูรณาการร่วมกับสำนักอนามัย กทม. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบสถานประกอบการที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ขณะเดียวกันจะเพิ่มการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการนำเข้าอาหาร ฉลากอาหาร เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ของสำนักงานเขตฯ เพื่อส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้ประสานขอความร่วมมือสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ในการลงพื้นที่ตรวจสอบและ เฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากต่างประเทศ ระหว่างเดือน พ.ค. – มิ.ย. 67 รวมทั้งสิ้น 208 แห่ง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการอาหารรับทราบข้อกฎหมายในการนำผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้รับอนุญาตเลขสารบบอาหาร และแสดงฉลากอาหารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดมาจำหน่าย แนะนำให้เลือกสินค้าที่ถูกกฎหมายมาจำหน่ายในร้าน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาไทย มีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ระบุชื่ออาหาร ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต หรือหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน แสดงส่วนประกอบ น้ำหนักสุทธิ และเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. การรับประทานอาหารที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร (ไม่มี อย.) ไม่มีฉลากภาษาไทย อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่ทราบแหล่งผลิตที่แน่ชัด ไม่มีการรับรองว่าสถานที่ผลิตนั้นถูกสุขลักษณะหรือไม่และใส่สารใดลงไปในอาหารบ้าง
สำหรับผลการตรวจจับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ถูกกฎหมาย โดยตรวจร่วมระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ สนอ. ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป. อย.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานเขตท้องที่ ระหว่างเดือน ก.ย.- ต.ค. 67 จำนวน 4 ครั้ง ได้ตรวจสอบมินิมาร์ท 37 แห่ง พบการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง 23 แห่ง (ร้อยละ 62.16) แสดงฉลากถูกต้อง 4 แห่ง และร้านปิดในวันที่ตรวจสอบ 10 แห่ง ทั้งนี้ ในกรณีที่พบการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง หรือการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้มีการยึดสินค้าบางส่วน และจะสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินการคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม สนอ. อยู่ระหว่างนำเรียนเสนอปลัด กทม. พิจารณาลงนามในหนังสือสั่งการให้ทุกสำนักงานเขตตรวจสอบสถานประกอบการอาหารที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากต่างประเทศทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข กฎหมายว่าด้วยอาหาร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการอาหารทราบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากต่างประเทศ และสรุปผลการดำเนินการให้ สนอ. ทราบเพื่อจะได้รวบรวมสรุปเสนอผู้บริหารทราบต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนผู้บริโภคพบเบาะแสการกระทำผิดหรือสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลร้องเรียนได้ที่แอปพลิเคชัน BKK Food Safety หรือ Traffy Fondue หรือสายด่วน 1555
กทม. เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่-โรคระบบทางเดินหายใจในโรงเรียน-ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจในโรงเรียนสังกัด กทม. ว่า สนศ. ได้ประสานสำนักอนามัย (สนอ.) และหน่วยบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังและดูแลนักเรียนจากโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ พร้อมกำชับการรายงานและส่งต่อรักษาหากพบนักเรียนป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับ สนอ. ผ่านทางศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่บริการของโรงเรียน รวมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้การสื่อสารและการประสานงานเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว เตรียมพร้อมสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสถานพยาบาลในพื้นที่เขตซึ่งอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียนในการสนับสนุนพื้นที่ของในโรงเรียนให้เป็นสถานที่ให้วัคซีนแก่เด็กนักเรียน ตลอดจนเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค
ทั้งนี้ สนศ. ได้สำรวจข้อมูลสถานการณ์การเจ็บป่วยตามฤดูกาลและการแพร่ระบาดของโรคระบาดต่าง ๆ และโรคไข้หวัดใหญ่ แบบสำรวจ Online ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการ เรื่อง การเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนในสังกัด โดยกำหนดมาตรการความปลอดภัยในการตรวจสอบความพร้อมของอาคารเรียน ห้องเรียน เครื่องเล่นเด็ก ด้านสภาพแวดล้อม ความสะอาด สุขาภิบาล วัสดุการเรียนการสอน พร้อมทั้งให้สำนักงานเขตกำกับดูแลโรงเรียนในสังกัด เพื่อดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาเป็นประจำอย่างเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อต่าง ๆ
นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยบริการสาธารณสุขทั้งภายในและภายนอก เพื่อดำเนินการให้นักเรียนเข้ารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ซึ่งได้ส่งใบขออนุญาตดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ขออนุญาตผู้ปกครองในเบื้องต้นก่อนการดำเนินการตรวจสุขภาพนักเรียนตามเกณฑ์ เช่น การตรวจคัดกรองร่างกายทุกระบบ ตรวจคัดกรองสายตา และประเมินภาวะโภชนาการ การตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางโดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว การเก็บตกวัคซีนในนักเรียนชั้น ป.1 ที่ได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน ได้แก่ วัคซีน HPV ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก (ชั้น ป.5 เฉพาะเพศหญิง) วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ชั้น ป.6 ทุกคน) และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (เฉพาะปีการศึกษา 2567 ชั้น ป.1 – ป.3 ทุกคน) เป็นต้น
ขณะเดียวกัน สนศ. ยังได้เวียนแจ้งมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังและดูแลนักเรียนจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยให้โรงเรียนดำเนินการตามมาตรการและแนวทาง การป้องกันโรค ดูแลรักษาและการส่งต่อผู้ป่วย กำชับให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนในบรรยากาศพื้นที่ที่โปร่งโล่งและในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก รักษาสุขอนามัยนักเรียน ครูและบุคลากร โดยการล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอเมื่ออยู่ในที่แออัด รวมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ โดยประสานสำนักงานเขตให้กำกับดูแลโรงเรียนในสังกัดดำเนินการตามแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคระบาดตามฤดูกาลและโรคไข้หวัดใหญ่ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคให้กับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ผ่านกิจกรรมเสียงตามสาย กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมการรณรงค์และความสัมพันธ์ชุมชน ป้ายนิเทศภายในโรงเรียน เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงเฝ้าระวังตรวจสอบเด็กก่อนเข้าห้องเรียนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. หากพบนักเรียนที่มีอาการป่วยให้แยกเด็กอยู่ที่ห้องพยาบาลและสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งแนะนำผู้ปกครองให้พานักเรียนไปพบแพทย์ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในโรงเรียน
นางสาวกาญจนา ภูพิพัฒน์ผล รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. กล่าวว่า สพส. ในฐานะหน่วยงานหลัก ในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่ได้ส่งเสริมให้ความรู้แก่อาสาสมัคร ผู้ดูแลเด็ก รวมทั้งผู้ปกครองและเด็กให้ปฏิบัติตนตามแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ที่กองควบคุมโรคติดต่อ สนอ. กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมาตรการในการปฏิบัติ ได้แก่ จัดให้มีระบบคัดกรองเด็กช่วงเช้า ตั้งแต่ก่อนรับตัวเข้าภายในศูนย์ฯ หากพบเด็กมีอาการป่วยจะแยกเด็กและประสานผู้ปกครองมารับกลับ พร้อมทั้งให้คำแนะนำการดูแลเบื้องต้นแก่ผู้ปกครอง หากยังมีอาการป่วยอยู่จำเป็นต้องให้เด็กหยุดเรียนไปก่อนและควรรีบพาไปพบแพทย์ จัดให้มีระบบการป้องกันภายในศูนย์ฯ เช่น จัดจุดล้างมือ จัดให้มีการเรียนการสอนในบริเวณที่เปิดกว้าง มึลมธรรมชาติสามารถผ่านได้สะดวก จัดให้มีแก้วน้ำ ถาดอาหาร และช้อนรับประทานอาหารเป็นของตนเอง การสวมหน้ากากอนามัย การทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ การประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าว แจ้งเตือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ความรุนแรงของโรคที่มีต่อเด็กเล็ก โดยส่งเสริมความรู้แก่อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กและให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการปฏิบัติตนตามแนวทาง การป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่อย่างเคร่งครัด หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด หากมีความจำเป็น ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
นอกจากนี้ ยังมีภารกิจในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมระหว่างวันให้กับผู้สูงอายุในศูนย์ผู้สูงอายุ ดินแดงและสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุหญิงในลักษณะพักอาศัยอยู่ประจำที่บ้านบางแค 2 การติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและผู้สูงอายุให้ปฏิบัติตนตามแนวทาง การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุอย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ สบู่หรือแอลกอฮอล์เจล และเฝ้าระวัง เมื่อผู้สูงอายุมีไข้ เจ็บคอ ไอ จาม มีน้ำมูก ให้รีบพบแพทย์ รวมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการฉีดวัคซีน สามารถรับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลใกล้บ้าน ทั้งนี้ ในปี 2567 สพส. ได้ประสานศูนย์บริการสาธารณสุข 40 สนอ. ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 133 คน เจ้าหน้าที่ 13 คน รวมทั้งสิ้น 146 คน เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 67 เวลา 09.30 น. – 11.30 น. ณ บ้านผู้สูงอายุบางแค 2
กทม. เร่งติดกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI เพิ่ม พบหลังติดตั้งผู้ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้าลดลง
นายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามประเมินผลโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมระบบ AI ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจจับผู้กระทำผิดว่า สจส. ได้เริ่มนำเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาการขับขี่บนทางเท้าด้วยการบังคับใช้กฎหมาย โดยติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI เพื่อตรวจจับผู้กระทำผิดจอด กลับรถ หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า จำนวน 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งระบบจะตรวจจับโดยใช้กล้อง CCTV ด้วยเทคโนโลยี AI และส่งข้อมูลภาพและป้ายทะเบียนของผู้ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้าไปยังสำนักงานเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักงานเขตตรวจสอบกับระบบฐานข้อมูลทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และตรวจสอบภูมิลำเนากับฐานข้อมูลของ กทม. พร้อมทั้งจัดส่งจดหมายทางไปรษณีย์แจ้งผู้กระทำผิดมาพบเจ้าหน้าที่ยังสำนักงานเขต พิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ประกอบกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการติดตามและประเมินผลการติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า ตั้งแต่ทดสอบและติดตั้งระบบ AI เมื่อเดือน ก.ค. 67 ที่ผ่านมา สามารถตรวจจับผู้ฝ่าฝืนในจุดที่มีการติดตั้งระบบได้จำนวนมาก เมื่อประชาชนได้รับจดหมายเชิญพบและมีการจับปรับ ยอดผู้ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้าลดลงในทุก ๆ เดือน ส่วนแผนการขยายการติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI ในปี 2568 อยู่ระหว่างพิจารณาจุดติดตั้งระบบ AI เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมจุดที่มีปัญหาการขับขี่บนทางเท้า ทั้งนี้ กทม. ได้ประชุมหารือร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เพื่อเชื่อมระบบและส่งข้อมูลภาพผู้กระทำความผิด เช่น จอดรถพื้นที่ห้ามจอด กลับรถบริเวณที่ห้ามกลับรถ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายและเปรียบเทียบปรับตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ต่อไป
กทม. แจงถนนหลวงแพ่งชำรุดหนัก ใช้งานกว่า 10 ปี จำเป็นต้องปรับปรุง เพื่อความปลอดภัยประชาชน
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตถึงงบประมาณและการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการปรับปรุงถนนหลวงแพ่งว่า ถนนหลวงแพ่งช่วงจากสำนักงานประปาสาขาสุวรรณภูมิ ถึงคลองพระยาเพชร พื้นที่เขตลาดกระบัง เปิดใช้งานมามากกว่า 10 ปี มีสภาพชำรุดเสียหายอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ที่ผ่านมา สนย. ได้จัดซ่อมชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่ขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมปรับปรุงถนนหลวงเพ่งให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เรียบร้อยและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน สนย. จึงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงถนนหลวงแพ่ง ช่วงจากสำนักงานประปาสาขาสุวรรณภูมิถึงคลองพระยาเพชร พื้นที่เขตลาดกระบัง โดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ซึ่งมีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว คือ บริษัท ทริโอ ไบรท์ จำกัด และเนื่องจากถนนหลวงแพ่งมีสภาพชำรุดเสียหายจำนวนมาก อาจเป็นอันตรายกับประชาชน จึงจำเป็นต้องซ่อมแซมปรับปรุงให้มีความปลอดภัย หากยกเลิกการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ และดำเนินการใหม่จะต้องจัดทำราคากลางใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามดัชนีราคา ทำให้ กทม. เสียประโยชน์ สนย. จึงได้ดำเนินการต่อ โดยไม่ยกเลิกการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบฯ ประกอบกับพิจารณาแล้วเห็นว่า ราคาที่บริษัทฯ เสนอเป็นราคาที่ต่ำกว่าวงเงินเห็นชอบฯ และต่ำกว่าราคากลาง จึงตกลงว่าจ้างบริษัท ทริโอ ไบรท์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการเป็นเงิน 177,677,660 บาท โดยเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ตลอดจนภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้ด้วยแล้ว
ทั้งนี้ สนย. ได้กำชับแนวทางปฏิบัติในการดำเนินโครงการจัดซื้อจัดจ้างโดยยึดระเบียบตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงมีมาตรการติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม คุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ