(11 ธ.ค. 67) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางสาวนีฟ คอลิเออร์-สมิธ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความร่วมมือและองค์ความรู้ด้านการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องประชุม CM Suite (Wave-Terra-Spark) ชั้น 4 โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ เขตปทุมวัน

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงบทบาทของกรุงเทพมหานคร งานและวิสัยทัศน์ของกรุงเทพมหานครในการขับเคลื่อนอนาคตเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า วันนี้เราทุกคนรู้สึกเองได้อยู่แล้วถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่ร้อนขึ้น ฝนที่มักจะตกหนักมาก หรือแม้แต่กระทั่งฝุ่น ฉะนั้น ในฐานะเมือง คนบริหารเมือง และเป็นคนที่ดูแลเมือง ก็จะต้องทำทุกอย่างให้ปัญหาปัจจุบันนี้ลดลงให้ได้ในขั้นแรกก่อน ขณะเดียวกันต้องทำให้การพัฒนาเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นการพัฒนาที่มีความยั่งยืน ไม่ให้เป็นการพัฒนาที่อาจส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงหรือใช้ทรัพยากรอย่างไม่เต็มที่ โดยการทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาและหน้าที่ในการพัฒนาอย่างถูกต้องนั้นก็เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถอยู่ในเมืองได้อย่างมีความสุขขึ้นและเมืองน่าอยู่ขึ้น อาทิ การจัดสรรพื้นที่สาธารณะ การพัฒนาสวน การทำให้อากาศดีขึ้น การทำให้ปัญหาขยะลดลง การทำให้ภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อชีวิตของประชาชนมากนัก
“อย่างไรก็ตาม การทำงานของกรุงเทพมหานครไม่อาจทำเพียงหน่วยงานเดียวได้ เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่มากและมีงานอีกหลายงานที่เราต้องแข่งขันกับสภาพภูมิอากาศที่แย่มากตอนนี้ เราจึงต้องช่วยกันเเข่ง ดังนั้น หน้าที่อีกหน้าที่หนึ่งของกรุงเทพมหานครคือการทำให้เส้นทางของความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน ภาควิชาการ หน่วยงานต่าง ๆ ประชาชน หรือประชาคมที่เป็นชาวต่างชาติหรือคนที่มาจากจังหวัดอื่นที่มาอยู่ในเมือง มาประกอบอาชีพในเมือง สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ สอดคล้องไปกับการออกมาใช้ชีวิตประจำวันหรืองานที่เขากำลังทำอยู่ เพื่อให้เขาช่วยเราในการลดปัญหาแล้วก็สร้างเมืองไปด้วยกัน และประชาชนจะได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เมืองมีความน่าอยู่ขึ้นด้วย ซึ่งการสัมมนาเชิงปฏิบัติการวันนี้ก็เพื่อที่จะส่งเสริมให้ความร่วมมือถูกก่อร่างสร้างตัวขึ้น มีกลไกรองรับ โดยกรุงเทพมหานครมุ่งมั่นที่จะทำให้เครือข่ายทั้งหมดสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งงานของเขาเองและงานบนความร่วมมือ อาทิ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ การใช้พลังงานให้เป็นพลังงานที่ช่วยสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
สำหรับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความร่วมมือและองค์ความรู้ด้านการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นโดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันต่ออนาคตของเมืองในการทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นต้นแบบระดับโลกสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืนและมีความยืดหยุ่นในการเผชิญกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายหัวข้อ “กรุงเทพมหานครสู่การดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร การบรรยายหัวข้อ “การสนับสนุนของ UNDP ในการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยิ่งยืนและการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสู่ NDC 3.0” กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำแผนภาพเครือข่ายด้านด้านสิ่งแวดล้อม” การบรรยายหัวข้อ “แนวทางปฏิบัติของรูปแบบความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างเขตต่าง ๆ ของกรุงเทพมหาานครและพันธมิตรด้านการพัฒนาผ่านกรณีศึกษาของสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์” การบรรยายหัวข้อ “ประเด็นท้าทายหลัก 7 ประเด็น ในการลดผลกระทบและการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับกรุงเทพมหานครและระดับเขต” กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำแผนภาพโครงการและเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสีย” กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “การสนทนาแบบกลุ่มใน 7 ประเด็นท้าทาย/ลำดับความสำคัญหลักของกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น” จากนั้นจึงเป็นการสรุปกิจกรรม ข้อคิดเห็น และแสดงผลลัพธ์จากกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “การสนทนาแบบกลุ่มใน 7 ประเด็นท้าทาย/ลำดับความสำคัญหลักของกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น”
ในการนี้ นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิดและเป็นผู้บรรยายหัวข้อ “ประเด็นท้าทายหลัก 7 ประเด็น ในการลดผลกระทบและการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับกรุงเทพมหานครและระดับเขต” โดยใน 7 ประเด็น ประกอบด้วย ด้านขยะ ด้านอากาศ ด้านพื้นที่สีเขียว ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการรับมือ ด้านพลังงาน ด้านน้ำเสีย และด้านขนส่ง
—————————


