ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังประชุมผู้ว่าฯ สัญจรและติดตามการดำเนินงานสำนักการคลัง (สนค.) ว่า สนค.เป็นหน่วยงานในการจัดเก็บรายได้ ซึ่งต้องเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีป้าย ต้องทำฐานข้อมูลให้ครบ และจัดเก็บอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องมีการจัดเก็บภาษีในรูปแบบอื่นๆ เช่น ภาษีจากนักท่องเที่ยว ภาษีผู้ที่ก่อมลภาวะ เพื่อเพิ่มรายได้ของเมือง แต่ไม่ให้เดือดร้อนประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ต้องไปแก้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 เพิ่มอำนาจให้ กทม.จัดเก็บภาษีต่างๆ ได้มากขึ้น โดยจะมีการยื่นแก้ไขให้กับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ส่วนประชากรแฝงมีจำนวนมาก ที่ย้ายเข้ามาทำงาน ในกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นคนกรุงเทพฯ ต้องหาวิธีการ ให้ประชากรแฝงย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ เพื่อสะท้อนตัวเลขประชากรอย่างแท้จริง จะทำให้งบประมาณสอดคล้องกับความเป็นจริง
ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บโดยใช้ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร, BMA TAX MAP ในการจัดทำระบบสารสนเทศภาษีท้องถิ่นของกทม., อี-เพย์เมนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดเก็บภาษี ส่วนภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง ที่ช่วยรัฐบาลจัดเก็บในปีนี้ มีการคิดภาษีลดลง ร้อยละ 15 จึงอยากให้รัฐบาลหาเงินอุดหนุนทดแทนช่วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศด้วย ส่วนภาษีรถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้จัดเก็บให้ แต่มีผู้ไม่ยอมเสียภาษี ซึ่ง อปท. หลายแห่งได้ทำบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) เพื่อให้ อปท.ทวงถามด้วยตัวเองได้ ต้องพยายามทุกวิธีทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและเตรียมรายได้ เพราะในอนาคตอาจมีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเพื่อดูแลประชากรให้ทั่วถึง
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 20 ม.ค. 2566