(21 พ.ย. 67) เวลา 08.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยอัตราใหม่ตามร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. … โดยมี นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม ผู้อำนวยการเขต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ จำนวน 7 เขต ประกอบด้วย เขตจตุจักร เขตลาดพร้าว เขตบางซื่อ เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตสายไหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร
“ผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยของกรุงเทพมหานคร ควรศึกษาทำความเข้าใจในข้อบัญญัติฯ ฉบับใหม่ สามารถตอบคำถามไขข้อข้องใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้ ที่สำคัญคือสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนถึงการมีส่วนร่วมกับกรุงเทพมหานครในการคัดแยกขยะตามบ้านเรือนที่พักอาศัย ปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่อค่าธรรมเนียมในการจัดเก็บขยะ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนด ปัจจุบันร่างข้อบัญญัติจัดเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยอัตราใหม่ ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน คาดว่าเดือนมิถุนายน 2568 จะเริ่มใช้ข้อบัญญัติฯ นี้” รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าว
สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมฯ (ฉบับใหม่) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม จ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 30 บาท ค่ากำจัด 30 บาท) กรณีคัดแยกขยะและลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กรุงเทพมหานครกำหนด จ่ายค่าธรรมเนียมเดือนละ 20บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 10 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 10 บาท) กลุ่มที่ 2 ปริมาณขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเกิน 4 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บและขน 60 บาทต่อ 20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาทต่อ 20 ลิตร) และ กลุ่มที่ 3 ปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขึ้นไป หรือเกิน 1,000 ลิตร หรือเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน) จ่ายค่าธรรมเนียม 8,000 บาท (ค่าเก็บและขน 3,250 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ค่ากำจัด 4,750 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร)
โดยวันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาหารือร่วมกับผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยของกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยอัตราใหม่ตามร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติจัดเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยอัตราใหม่ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 โดยข้อบัญญัติฯ นี้ จะมีผลบังคับใช้ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน สำหรับข้อบัญญัติฯ ฉบับดังกล่าว มุ่งเน้นส่งเสริมเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะประเภทต่างๆ เมื่อประชาชนมีการคัดแยกขยะแล้ว อัตราค่าธรรมเนียมฯ ที่จัดเก็บจะลดลงตามปริมาณขยะที่ลดลงจากการคัดแยก เช่น กลุ่มที่ 1 บ้านเรือนทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หากมีการคัดแยกขยะตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนด จะจ่ายค่าธรรมเนียมฯ 20 บาทต่อเดือน หากไม่มีการคัดแยกขยะ จะจ่ายค่าธรรมเนียมฯ 60 บาทต่อเดือน สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้หลายช่องทาง เช่น ลงทะเบียนทาง Smart Phone ผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY หรือเข้ามาติดต่อที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตที่มีทะเบียนบ้านอยู่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนในระบบให้ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริงหรือไม่ ในอนาคตกรุงเทพมหานครจะเพิ่มช่องทางการลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนต่อไป
—– (จิรัฐคม…สปส.รายงาน)