ไทยโพสต์ * เมื่อวันจันทร์ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายที่แพงเกินจริงของกรุงเทพมหานคร ภายหลังจากครบกำหนดการตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่ได้ฟันธงว่ามีการทุจริตในโครงการหรือไม่ ว่า เครื่องออกกำลังกายแพงเกิดจากทฤษฎี 3 ล็อก ล็อกที่ 1 คือ ล็อกสเปก ยกตัวอย่าง มีการกำหนดคุณสมบัติเครื่องออกกำลังกายในทีโออาร์ให้ตรงกับคุณสมบัติเครื่องออกกำลังกายของบริษัทยี่ห้อหนึ่ง (บริษัท PULSE Fitness) เช่น กำหนดคีย์เวิร์ดว่าจะต้องเป็นแบบ High Contrast Display มีโปรแกรมออกกำลังกายประกอบด้วย Quick start Goals Profile และ X -Train และยังมีการกำหนดให้ใช้ได้ทั้งหมด 23 ภาษา ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะเอาภาษาอะไรมากมายขนาดนี้ไปให้ใครใช้
นายศุภณัฐกล่าวต่อว่า ล็อกที่ 2 คือ ล็อกสืบราคา ในความผิดปกติของโครงการลู่วิ่ง 759,000 บาท จะมีการสืบราคาจาก 3 เจ้าเดิมทุกโครงการ นั่นคือ บริษัท Pulse fitness, WQN fitness และบริษัท Life fitness ซึ่งมักจะกำหนดราคาให้สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ 3 เจ้าเดิมจะให้ราคาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งมันเป็นผลมาจากการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายมักจะไม่มีราคากลาง เนื่องจากกรมบัญชีกลางไม่ได้กำหนดเรื่องนี้ไว้ จึงทำให้เกิดการทุจริตในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายหลายครั้ง
นายศุภณัฐกล่าวอีกว่า ล็อกที่ 3 คือ ล็อกผลงาน โดยมีการกำหนดผลงานขายคุรุภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับส่วนราชการ ให้วงเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซื้อขายกันไว้ให้น้อยกว่า 3 สัญญา และระยะเวลานับย้อนหลังไม่เกิน 4 ปี ซึ่งเป็นการปรับให้พอดีกับเอกชนบางเจ้า ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในยุคของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. โดยพบว่าจาก 10 โครงการ มีล็อกสเปกผลงานถึง 9 โครงการ มาถึงในสมัยของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็พบว่ามีการล็อกสเปก 12 โครงการ จาก 14 โครงการด้วย
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า หวังว่าการแถลงของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 30 ก.ค. จะเฉพาะเจาะจงได้ว่ากระบวนการการทุจริตนั้นมีหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องบ้าง.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 30 ก.ค. 2567