สั่งกทม. จ่าย 2.2 หมื่นล้าน BTS พร้อมแลกต่อสีเขียว หนี้สินต่อทุนเหลือ 1.8 เท่า ลุ้นรับ O&M เพิ่มอีกหมื่นล้านบาท

 “บีทีเอส” ตั้งโต๊ะแถลงวันนี้ หลังศาลปกครองสูงสุดสั่งกรุงเทพมหานคร-KT ชำระหนี้ O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 รวม 22,000 ล้านบาท ให้บีทีเอส ผู้บริหารมั่นใจคดีค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่เหลือ มีสิทธิ์รับเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท เตรียมนำเงินไปชำระหนี้หุ้นกู้ใกล้ครบดีล หากกทม.ไม่มีเงินจ่าย พร้อมเจรจาต่ออายุสัมปทานสายสีเขียว แลกกับหนี้ ด้าน “กวิน” เมินซื้อไทย สมายล์ บัส โบรกฯ มองบีทีเอสเชิงบวก ประเมิน IBD/E ของ BTS ลดเหลือเป็น 1.8 เท่า จาก 2.4 เท่า บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.2 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ค. 2567) ผู้บริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงแผนงานของบริษัท ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้กรุงเทพมหานครกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC บริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กรณีผิดสัญญาชำระค่าตอบแทนการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงสะพานตากสิน -บางหว้า และช่วงอ่อนนุช–แบริ่ง) และในส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) พร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 11,755,077,952.10 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่บีทีเอสภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

โดยศาลให้เหตุผลว่า การที่กทม.ได้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 และมอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจที่กทม.ถือหุ้น 99.98% เพื่อให้การดำเนินกิจการสาธารณะของกทม.มีความคล่องตัว

ดังนั้น เมื่อบริษัท กรุงเทพธนาคม มีหนี้ค้างชำระตามสัญญา การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครกับบีทีเอส ทั้งในส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2  กทม.จึงต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวกับบริษัท กรุงเทพธนาคม ให้กับบีทีเอสด้วย เป็นจำนวนเงินในส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348,659,232.74 บาท พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้น 2,199,091,830.27 บาท ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406,418,719.36 บาท พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นจำนวน 8,786,765,195.47 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ที่ประกาศโดย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่บีทีเอสภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

BTS ตั้งโต๊ะแถลงวันนี้

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE BTS เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการจัดแถลงข่าววันนี้ (30 ก.ค. 2567) หลังจากมีคำพิพากษาดังกล่าว โดยฝ่ายบริหาร BTS ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณารายละเอียดคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ชัดเจน และมีแผนนำเงินไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดภายในปีนี้ ซึ่งต้องหารือกับฝ่ายการเงินเพื่อดูกำหนดเวลาแต่ละหุ้นกู้ของ BTS ด้วย

ทั้งนี้ BTSC ยังเหลือคดีฟ้องร้องกทม.กับ KT อีก 1 คดี ซึ่งเป็นคดีในลักษณะเดียวกัน คือ คดีที่ BTSC ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้กทม.และ KT ชำระหนี้ O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ระหว่างเดือนมิถุนายน 2564 ถึงเดือนตุลาคม 2565 มูลค่ารวม 11,068.50 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการวินิจฉัยและทำคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยคาดว่าศาลปกครองกลางจะรอดูคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดี O&M คดีแรกที่มีคำตัดสินไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมาก่อน เพราะมีลักษณะคดีแบบเดียวกัน เมื่อมีคำตัดสินออกมาชัดเจนแล้วก็จะมีแนวทางการตัดสินในคดีที่เหลือต่อไป

อย่างไรก็ตาม กทม.มีงบประมาณก็เชื่อว่าจะจ่ายให้ BTSC ตามคำสั่งศาล แต่หากไม่มี ก็อาจขอให้รัฐบาลช่วย หรืออาจต้องมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน โดยเห็นว่าเป็นโอกาส BTS เจรจาต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวด้วย (ที่จะหมดในปี 2572)

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรณีคดี BTSC จะต้องพิจารณาใน 2 มิติ คือ คำสั่งศาลในเรื่องอดีต และการดำเนินการตามสัญญาต่อไป เพราะส่วนต่อขยายที่ 2 ยังมีอายุสัญญาเหลืออีกเป็น 10 ปี ส่วนเงินที่กทม.ต้องชำระแก่ BTSC นั้น คงต้องขอไปพิจารณาอีกครั้งว่าจะใช้จากส่วนใด ที่ผ่านมากทม.พยายามใช้งบประมาณต่าง ๆ อย่างจำกัด เพื่อให้มีเงินเหลือไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน ซึ่งการตั้งงบประมาณในปี 2568 ก็ยังตั้งงบเท่าเดิมคือ 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกทม.ยังมีคดีอื่นที่ค้างอยู่ เช่น คดีรถดับเพลิงที่ยังจอดอยู่ที่แหลมฉบังอีกประมาณ 3 พันล้านบาท

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า BTS สนใจเข้าซื้อบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ว่า ยืนยันว่า BTS ไม่เคยมีแนวคิดหรือมีความสนใจที่จะเข้าซื้อ TSB ตามที่มีกระแสข่าวดังกล่าว และยังไม่มีความสนใจในธุรกิจนี้ด้วย

หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดฮวบ

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BTS ที่ราคาเป้าหมาย 5.96 บาท จากการที่ BTS ชนะคดีงาน O&M ซึ่งจะได้รับเงินสดเข้ามาเสริมสภาพคล่องของบริษัท และคาดว่าเมื่อ BTS ชนะคดีแรกนี้ ก็จะชนะคดีที่เหลือที่ทั้งฟ้องไปแล้วและยังไม่ได้ฟ้องเกี่ยวกับสัญญา O&M เนื่องจากเนื้อหาการฟ้องร้องลักษณะเดียวกัน ทำให้ BTS จะได้เงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ตามที่กทม.เป็นหนี้ไว้ รวมถึงจะได้ค่า O&M จากกทม.ประมาณปีละ 7 พันล้านบาท

ทั้งนี้ หากรวมการได้รับคืนหนี้งาน O&M ทั้งหมด 3.6 หมื่นล้านบาท รวมกับค่างานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) หรืองาน E&M ส่วนต่อขยาย 2 วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท ที่ BTS ได้รับจากกทม.เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว จะทำให้อัตราส่วน Interest bearing debt to Equity (IBD/E) ของ BTS ลดลงจาก 2.4 เท่า ในเดือนมีนาคม 2567 เป็น 1.8 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า BTS จะมีปัจจัยหนุนอย่างมากจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ซึ่งทาง BTS ประเมินว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568 ขณะที่ผลประกอบการของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI จะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากขายหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกไปทั้งหมด และการลงทุนต่าง ๆ เริ่มลดลง ซึ่ง 2 ประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของ BTS

อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น BTS ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาให้กทม.และ KT ชำระค่างาน O&M (จากการฟ้องคดีงาน O&M รอบแรก) มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แล้วก็ตามนั้น น่าจะมาจากการที่นักลงทุนยังคงกังวลต่อผลประกอบการระยะสั้นของ BTS แม้จะมีการขายหุ้น KEX และเหลือถือไว้ไม่ถึง 3% แต่ผลประกอบการของ VGI ในขณะนี้ยังคงไม่มีกำไร ประกอบกับราคาหุ้น BTS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวศาลปกครองพิจารณาคดี O&M ไปแล้ว เมื่อคำตัดสินออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ ราคาหุ้นจึงเริ่มลดลง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” BTS ที่ราคาเป้าหมาย 6.2 บาท ภายหลังจากชนะคดีค่างาน O&M สายรถไฟฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงในแต่ละปี จากยอดหนี้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า ณ เดือนธันวาคม 2566 มีหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวจำนวน 53,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงาน E&M 23,000 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม O&M 30,000 ล้านบาท และ BTS ได้รับส่วนแบ่ง E&M ในเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี แม้คำตัดสินของศาลเกี่ยวข้องกับหนี้ O&M ทั้งหมดจำนวน 30,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่เชื่อว่า BTS สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างแบบอย่างที่จะนำไปสู่การบังคับใช้การชำระหนี้ลูกหนี้ที่เหลืออยู่ โดยคาดว่า BTS จะใช้เงินดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่เพื่อลดภาระหนี้และลดดอกเบี้ยจ่าย แต่จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรสุทธินอกเหนือจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จึงมีมุมมอง “เป็นกลาง” เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่บริษัทยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อค้นหาการเติบโตต่อไป

 

 

ที่มา:  นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 30 ก.ค. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200