เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี (ผู้ฟ้องคดี) กับกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 กรณีผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชำระค่าตอบแทนตามสัญญา โดยคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินสำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348,659,232 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,199,091,830 บาท และสำหรับส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406,418,719 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 8,786,765,195 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาท บวกร้อยละ 1 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่ ผู้ฟ้องคดี โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเห็นว่า การที่ กทม.ได้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 และได้มอบหมายให้ บ.กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจที่ กทม.ถือหุ้นร้อยละ 99.98 เพื่อให้การดำเนินกิจการสาธารณะของ กทม.มีความคล่องตัว ดังนั้นเมื่อ บ.กรุงเทพธนาคมฯ มีหนี้ค้างชำระตามสัญญา กทม.จึงต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวด้วย แก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจ่ายหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด โดยเฉพาะการตรวจสอบเงินในคลัง การกำหนดวันจ่าย เพราะมีดอกเบี้ยประมาณวันละ 2 ล้านบาท โดยจะต้องเสนอเรื่องเข้าสภากรุงเทพมหานคร เพื่ออนุมัติเงิน
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 28 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)