กทม. แจงป้ายโฆษณาที่อยู่ในความดูแล-กวดขันตรวจสอบรื้อถอนป้ายเถื่อนต่อเนื่อง
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตป้ายโฆษณาบริเวณเชิงสะพานสาทร ป้ายโฆษณาติดกับอาคารเรียนโรงเรียนสัจจพิทยา และป้ายโฆษณาเหนือถนนสาทรขาเข้า ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Plan B ติดตั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ว่า จากการตรวจสอบป้ายโฆษณาของ Plan B ตามที่มีข้อสังเกตจะเป็นป้ายขนาดใหญ่ติดบนอาคารสามารถดำเนินการก่อสร้างก่อนขออนุญาต ตามมาตรา 39 ทวิ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งสำนักการโยธา (สนย.) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยป้ายทั้ง 3 จุดคือ จุดที่ 1 บริเวณเชิงสะพานสาทร เป็นป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ติดในที่เอกชน จุดที่ 2 ติดกับอาคารเรียนโรงเรียนสัจจพิทยา เป็นป้ายบิลบอร์ดติดบนอาคาร ทั้ง 2 จุดได้ขออนุญาต สนย. ตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ) และจุดที่ 3 บริเวณเหนือถนนสาทร เป็นป้ายโฆษณาอัจฉริยะคร่อมทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนป้ายบิลบอร์ดของเอกชนขออนุญาตตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ มาตรา 39 ทวิ โดยดำเนินการไปก่อนแล้วจึงขออนุญาต
สำหรับป้ายให้สิทธิ กทม. ปัจจุบันมี 5 โครงการ ได้แก่ (1) ป้ายเดี่ยว 1,170 ป้าย ขนาด 1.2×1.8 เมตร แลกสิทธิดูแลบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางของ Plan B (2) ป้ายเดี่ยวบริเวณทางแยก 125 จุด ขนาด 1.5×3 เมตร ของ Plan B (3) ป้ายเดี่ยวประชาสัมพันธ์เขต 50 จุด ขนาด 3×5 เมตร ของ Plan B (4) ป้ายเดี่ยว 250 ป้าย ขนาด 1.2×1.5 เมตร แลกสิทธิสถานีจักรยาน ของบริษัท คิว แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด และ (5) ป้ายตอม่อสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วงสัมปทาน จำนวน 449 ป้าย ของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สจส. ได้ขอความร่วมมือให้สำนักงานเขตตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของป้ายประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว หากพบว่า มีป้ายที่ติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้จัดเก็บป้ายเหล่านั้นในพื้นที่รับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน ๓๐ วัน และแจ้งผลตรวจสอบและยืนยันตำแหน่งป้ายให้ สจส. ทราบโดยเร็ว
กทม. ประสาน กฟน. เร่งแก้ไขคืนสภาพผิวทางเท้าถนนลาดพร้าว คาดแล้วเสร็จ ธ.ค. นี้
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนทางเท้าตามแนวถนนลาดพร้าวชำรุดหลายแห่งและยังไม่ได้รับการแก้ไขว่า สนย. ได้ตรวจสอบพบว่า ทางเท้าบนถนนลาดพร้าว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการขุดวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน (แรงต่ำ) ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และได้คืนสภาพผิวทางเท้าเป็นการชั่วคราว โดยมีบางจุดที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย ซึ่ง สนย. ได้สำรวจตรวจสอบจุดที่ไม่เรียบร้อยทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกพบว่า มีความไม่เรียบร้อยทั้งหมด 46 จุด และได้ถ่ายภาพ พร้อมส่งพิกัดจุดที่ไม่เรียบร้อยให้ กฟน. เร่งดำเนินการแก้ไขชั่วคราวแล้ว
ทั้งนี้ กฟน. ได้วางแผนการปรับปรุงทางเท้าบนถนนลาดพร้าวเป็นการถาวร โดยใช้กระเบื้องใหม่ปรับปรุงเต็มพื้นที่ทั้งหมด คาดว่า จะเริ่มดำเนินการในเดือน ส.ค. 67 และจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 67 ซึ่งจะทำให้ถนนลาดพร้าวมีความเรียบร้อย สวยงาม และประชาชนสัญจรได้โดยสะดวกปลอดภัย
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนทางเท้าตามแนวถนนลาดพร้าวชำรุดหลายแห่งและยังไม่ได้รับการแก้ไขว่า สนย. ได้ตรวจสอบพบว่า ทางเท้าบนถนนลาดพร้าว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการขุดวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน (แรงต่ำ) ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และได้คืนสภาพผิวทางเท้าเป็นการชั่วคราว โดยมีบางจุดที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย ซึ่ง สนย. ได้สำรวจตรวจสอบจุดที่ไม่เรียบร้อยทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกพบว่า มีความไม่เรียบร้อยทั้งหมด 46 จุด และได้ถ่ายภาพ พร้อมส่งพิกัดจุดที่ไม่เรียบร้อยให้ กฟน. เร่งดำเนินการแก้ไขชั่วคราวแล้ว
ทั้งนี้ กฟน. ได้วางแผนการปรับปรุงทางเท้าบนถนนลาดพร้าวเป็นการถาวร โดยใช้กระเบื้องใหม่ปรับปรุงเต็มพื้นที่ทั้งหมด คาดว่า จะเริ่มดำเนินการในเดือน ส.ค. 67 และจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 67 ซึ่งจะทำให้ถนนลาดพร้าวมีความเรียบร้อย สวยงาม และประชาชนสัญจรได้โดยสะดวกปลอดภัย
เขตราชเทวีรุดแก้ปัญหาคนเร่ร่อนริมทางเท้าข้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน
นายกรณิศ บัวจันทร์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี กทม. กล่าวกรณีมีข้อร้องเรียนคนเร่ร่อนใช้พื้นที่ริมทางเท้าข้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน เป็นที่พักอาศัยว่า สำนักงานเขตราชเทวี ได้เร่งรัดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีนครบาล (สน.) มักกะสัน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบคนเร่ร่อนบุกรุกพื้นที่ทางเท้า ตั้งเป็นที่พักพิงอาศัย ทำทางเท้าสกปรกและทิ้งขยะจำนวนมากบริเวณข้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน พบบุคคลเร่ร่อน 3 ราย และสุนัข 12 ตัว มีการตั้งเต็นท์สนามและขึงผ้าใบสร้างเป็นที่อยู่อาศัย โดยรอบเต็มไปด้วยขยะ จากการสอบถามได้รับทราบข้อมูลว่า บุคคลเร่ร่อนดังกล่าวมีภูมิลำเนาใน จ.บุรีรัมย์ มีอาชีพเก็บขยะและของเก่าขาย เมื่อถูกไล่ที่จะย้ายที่อยู่เปลี่ยนไปเรื่อย และที่มาอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เพื่อรอคนรู้จักมารับสุนัขไปเลี้ยงต่อแล้วจึงจะย้ายออกจากพื้นที่ สำนักงานเขตฯ จึงได้ประสานผู้ที่จะรับเลี้ยงสุนัขตามหมายเลขโทรศัพท์ที่บุคคลเร่ร่อนแจ้ง ซึ่งผู้รับเลี้ยงสุนัขขอเวลาทำคอก 2 วัน และจะเข้ามารับสุนัข
นอกจากนี้ สำนักงานเขตฯ ได้สอบถามความสมัครใจในการให้ความช่วยเหลือพาไปอยู่บ้านพักสำหรับคนเร่ร่อนของ กทม. แต่ทั้ง 3 คนปฏิเสธไม่ประสงค์ไปและไม่ประสงค์จะให้สำนักงานเขตฯ ช่วยเหลือพากลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ โดยยืนยันที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ จะเข้าตรวจสอบอีกครั้งและจะรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
นายกรณิศ บัวจันทร์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี กทม. กล่าวกรณีมีข้อร้องเรียนคนเร่ร่อนใช้พื้นที่ริมทางเท้าข้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน เป็นที่พักอาศัยว่า สำนักงานเขตราชเทวี ได้เร่งรัดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีนครบาล (สน.) มักกะสัน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบคนเร่ร่อนบุกรุกพื้นที่ทางเท้า ตั้งเป็นที่พักพิงอาศัย ทำทางเท้าสกปรกและทิ้งขยะจำนวนมากบริเวณข้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน พบบุคคลเร่ร่อน 3 ราย และสุนัข 12 ตัว มีการตั้งเต็นท์สนามและขึงผ้าใบสร้างเป็นที่อยู่อาศัย โดยรอบเต็มไปด้วยขยะ จากการสอบถามได้รับทราบข้อมูลว่า บุคคลเร่ร่อนดังกล่าวมีภูมิลำเนาใน จ.บุรีรัมย์ มีอาชีพเก็บขยะและของเก่าขาย เมื่อถูกไล่ที่จะย้ายที่อยู่เปลี่ยนไปเรื่อย และที่มาอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เพื่อรอคนรู้จักมารับสุนัขไปเลี้ยงต่อแล้วจึงจะย้ายออกจากพื้นที่ สำนักงานเขตฯ จึงได้ประสานผู้ที่จะรับเลี้ยงสุนัขตามหมายเลขโทรศัพท์ที่บุคคลเร่ร่อนแจ้ง ซึ่งผู้รับเลี้ยงสุนัขขอเวลาทำคอก 2 วัน และจะเข้ามารับสุนัข
นอกจากนี้ สำนักงานเขตฯ ได้สอบถามความสมัครใจในการให้ความช่วยเหลือพาไปอยู่บ้านพักสำหรับคนเร่ร่อนของ กทม. แต่ทั้ง 3 คนปฏิเสธไม่ประสงค์ไปและไม่ประสงค์จะให้สำนักงานเขตฯ ช่วยเหลือพากลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ โดยยืนยันที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ จะเข้าตรวจสอบอีกครั้งและจะรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป