จัดใหญ่ 26 ริ้วขบวน มหรสพ สมโภช 72 พรรษา

วธ.ทำพิธีบวงสรวงเทพยดา นายกฯประธาน-งานระดม รับบริจาคโลหิต10ล้านซีซี

นายกฯ เป็นประธานเปิดโครงการบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ ถวายเป็นพระราชกุศลและสืบสานพระราชปณิธานโครงการแก้ปัญหาขาดแคลนโลหิตสำรอง สภากาชาดไทย สร้างจิตสำนึกทำความดีด้วยหัวใจด้วยการเป็นผู้ให้ ขณะที่รมว.วัฒนธรรมจัดบวงสรวงเทพยดางานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติฯ ที่ท้องสนามหลวง ก่อนจัดงานยิ่งใหญ่วันที่ 11-15 ก.ค.นี้ ชวนชมพิธีเปิด ตระการตา 26 ริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติ การแสดงศิลปวัฒนธรรม นิทรรศการ-สวนแสง ชิม ช็อปอาหาร-ผลิตภัณฑ์ตลาดวัฒนธรรม

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 9 ก.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยว และกีฬา พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกฯ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงานด้วย

นายจักรพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลจัดทำโครงการนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงเป็นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย และเสริมสร้างจิตสำนึกของการทำความดีด้วยหัวใจ รู้จักการเป็นผู้ให้สร้างจิตสำนึกสาธารณะ ในการช่วยเหลือสังคม ทั้งนี้มีหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 65 หน่วยงาน เริ่มโครงการตั้งแต่ม.ค. 2567 จนไปถึงเดือนธันวาคม 2567 โดยมีเป้าหมายบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ภายในเดือนธ.ค. 2567

ด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยินดีที่ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติ นับเป็นปีมหามงคลที่ปวงชนชาวไทยทุกคนจะได้พร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ รัฐบาลได้ดำเนินการโครงการและกิจกรรมเนื่องในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 72 พรรษา โดยน้อมนำแนวพระราชดำริและพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงการคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยให้อยู่ดีมีสุขโดยทั่วกัน โครงการบริจาคโลหิตจะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทยและเป็นการสร้างจิตสำนึกของการทำความดีด้วยหัวใจด้วยการเป็นผู้ให้และเป็นผู้มีจิตสาธารณะช่วยเหลือสังคม

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและสภากาชาดไทยที่ได้ร่วมกันจัดโครงการที่สร้างคุณค่าและเสริมสร้างสังคมแห่งการให้ โดยในวาระมหามงคลนี้ขอเชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชน ร่วมกันบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งขอขอบคุณทุกคนที่บริจาคโลหิต ซึ่งโลหิตของทุกคนจะช่วยเหลือต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้ที่เข้าร่วมบริจาคโลหิต

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริจาคโลหิต ภายในตึกสันติไมตรี หลังในทำเนียบรัฐบาล

สำหรับ “โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยรัฐบาล เพื่อเป็นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย และเป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกของการทำความดีด้วยหัวใจรู้จักการเป็นผู้ให้ สร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์

โครงการบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน่วยงานเข้าร่วม จำนวน 65 หน่วยงาน โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนธันวาคม 2567 ตั้งเป้าการรับบริจาคโลหิต จำนวน

10,000,000 ซีซี ภายในเดือนธันวาคม 2567

ทั้งนี้ โครงการบริจาคโลหิตฯ เป็น 1 ใน 10 โครงการ ที่ดำเนินการในนามของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีโครงการของภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมจัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้

จากนั้น นายเศรษฐา เปิดเผยว่า หลังจากไปติดตามโครงการ 10 คลองสวยน้ำใส คนไทยมีสุข ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ที่คูเมืองเดิม และคลองหลอดเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้คลองเราสวย น้ำก็เริ่มใสแล้ว แต่ตามข้างทางยังมีสายไฟ และสายสื่อสารที่ต้องเคลียร์อีกหน่อย วันเดียวกันนี้ เลยเชิญกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัด (มหาชน) หรือ NT มาคุยเพื่อวางแผนจัดระเบียบสายต่างๆ อย่างเร่งด่วน รวมถึงการเอาสายไฟลงดินรอบเกาะรัตนโกสินทร์ด้วย

“ทุกหน่วยงานรับจะไปเร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อให้เรียบร้อยก่อนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ครับ โดยจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องบริเวณโดยรอบให้น้อยที่สุดครับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อเวลา 08.19 น. วันเดียวกัน ที่ท้องสนามหลวง น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานพิธีบวงสรวงเทพยดางานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบพิธีบวงสรวง โดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ มีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม

น.ส.สุดาวรรณกล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรมบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและเครือข่ายวัฒนธรรมจัดงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย โดยจะมีพิธีเปิดงานวันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 19.30 น. ณ ท้องสนามหลวง

ทั้งนี้ ก่อนพิธีเปิดเวลา 17.30-19.00 น. มีกิจกรรมการเดินริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ ประกอบด้วย ริ้วขบวน 26 ขบวน ซึ่งมีทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ ข้าราชการ ผู้แทนภาคเอกชนและประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ เข้าร่วมกว่า 3,000 คน ได้แก่ ขบวนที่ 1 วงดุริยางค์ 4 เหล่าทัพ ขบวนที่ 2 ขบวนธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์วปร. และธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ขบวนที่ 3 ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ 4 เหล่า ขบวนที่ 4 รถเฉลิมพระเกียรติฯ กระทรวงวัฒนธรรม ขบวนที่ 5 บุคลากรกระทรวงวัฒนธรรม ขบวนที่ 6 รถเฉลิมพระเกียรติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและบุคลากร

ขบวนที่ 7 หน่วยงานราชการ 16 กระทรวง ขบวนที่ 8 มรดกศิลปวัฒนธรรม ภาคเหนือ ขบวนที่ 9 มรดกศิลปวัฒนธรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนที่ 10 มรดกศิลปวัฒนธรรม ภาคกลางและภาคตะวัน

ออก ขบวนที่ 11 มรดกศิลปวัฒนธรรม ภาคใต้ ขบวนที่ 12 รถเฉลิมพระเกียรติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขบวนที่ 13 รถเฉลิมพระเกียรติฯ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย

ขบวนที่ 14 ขบวนธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ขบวนที่ 15 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ขบวนที่ 16 ธนาคารออมสิน ขบวนที่ 17 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขบวนที่ 18 กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กซี ขบวนที่ 19 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ขบวนที่ 20 องค์การศาสนา 5 ศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ -ฮินดูและซิกข์ ขบวนที่ 21 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขบวนที่ 22 บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ขบวนที่ 23 กลุ่มชาติพันธุ์ ขบวนที่ 24 เครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขบวนที่ 25 สมาพันธ์สตรี ทำความดีแห่งประเทศไทย และขบวนที่ 26 สมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา เส้นทางเดินริ้วขบวนเริ่มจากบริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลางไปยังท้องสนามหลวง

รมว.วัฒนธรรมกล่าวต่อว่า ภายในงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติฯ มีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งแต่วันที่ 11-15 กรกฎาคม ณ ท้องสนามหลวง ได้แก่ 1.นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ทศมินทรราชา 72 พรรษา มหาวชิราลงกรณ” เผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และ 2.จัดแสดงสวนแสงเฉลิมพระเกียรติ “มหาทศมินทรราชา” การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ แบ่งเป็น 2 เวที คือ เวทีกลาง จัดแสดงวันที่ 11-15 กรกฎาคม เวลา 18.30-22.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ในพิธีเปิดงานมีการแสดงอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1,200 ลำ แปรขบวนแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชุด “รวมใจภักดิ์ ถวายพระพร” ตามแนวคิดภายใต้ร่มพระบารมี ปวงประชาจงรักภักดี การแสดง “มหาดุริยางค์ไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” และการแสดง “โนราศิลปินแดนทักษิณเฉลิม พระเกียรติ”

วันที่ 12 กรกฎาคม การแสดงดนตรี “นาฏะ ดนตรี คีตา” การแสดงโขน “สมเด็จพระรามาครองเมือง” การแสดงพื้นบ้าน “เรืองรองสุขเกษมทั่วถิ่นไทย” วันที่ 13 กรกฎาคม การแสดงดนตรี “เทิดไท้องค์ราชัน พระมิ่งขวัญ ปวงชนชาวไทย” การแสดงละครนอก ตอน ถวายลูกแก้วหน้าม้า การแสดง “มหานาฏกรรมรามายณะนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ” โดยไทยร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์

วันที่ 14 กรกฎาคม การแสดงดนตรี “มหาดุริยางค์ 4 เหล่า” เป็นการแสดงร่วมกันของกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การแสดงดนตรี “สดับคีตศิลป์ทศชาติชาดก” (10 พระชาติชาดก เฉลิมพระเกียรติ) และการแสดงละครเพลง “เทิดไท้ทศมินทรราชา” และวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 การแสดง “สิงโตบนเสาดอกเหมยเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาวชิราลงกรณ” การแสดง “มังกรเบิกฟ้า 72 พรรษามหามงคล ใต้ร่มบรมโพธิสมภาร” บริเวณหน้าเต็นท์นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พิธีมอบโล่ขอบคุณหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงดนตรี “แผ่นดินธรรมแผ่นดินไทยใต้ร่มพระบารมี” เป็นการแสดงร่วมกันของ 5 สถาบันการศึกษา ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยรังสิต การแสดง “นาฏศิลป์โขนสดใต้ร่มพระบารมี” ตอน ศึกทศกัณฐ์ยกรบ และตอน ยักษ์บรรลัยกัลป์ออกศึก การแสดง “ศิลปะร่วมสมัยเทิดไท้องค์ราชัน” และการแสดงอากาศยาน ไร้คนขับ (โดรน) เฉลิมพระเกียรติ ชุด “รวมใจภักดิ์ ถวายพระพร”

น.ส.สุดาวรรณกล่าวต่ออีกว่า ส่วนเวทีย่อย จัดแสดงวันที่ 12-14 กรกฎาคม เวลา 17.00-18.30 น. ได้แก่ การแสดงพื้นบ้านจากเครือข่ายสมาคมศิลปินพื้นบ้าน ได้แก่ การแสดงหนังตะลุงคน ชุด “หนังตะลุงปักษ์ใต้ เทิดไท้องค์ราชัน” การแสดงหมอลำ ชุด “รำถวายเกล้าไทยอีสาน ศิระกานจอมจักรี” การแสดงโนรา ชุด “โนราสู่ภูมิปัญญาเทิดไท้องค์ราชัน” และการแสดงพื้นบ้านอีสาน ชุด “เทิดพระเกียรติพระแผ่นฟ้า 72 พรรษา มหาบารมี”

วงดนตรีลูกทุ่งชิงช้าสวรรค์ โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพฯ รำวงชาวบ้าน อ๊อด โฟร์เอส และบริเวณถนนกลางสนามหลวง การแสดง “ลีลาศ 772 คู่ขวัญเทิดราชัน 72 พรรษามหาวชิรลงกรณ” และการแสดงของศิลปิน เพียง The Voice เปาวลี พรพิมล และนิวคันทรี่ และทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00 – 18.00 น. มีการแสดงว่าวเฉลิมพระเกียรติ เช่น ว่าวจุฬา ว่าวสาย ว่าวสามเหลี่ยม รวมกว่า 100 ตัว โดยนายปริญญา สุขชิต หรือ “ซูเปอร์เป็ด” ที่เป็นผู้สืบสานและนักเล่นว่าวไทยระดับชาติ อีกทั้งภายในงานมีตลาดวัฒนธรรมเฉลิม พระเกียรติฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ของดีสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร อาหารไทย อาหารถิ่น และผลิตภัณฑ์จากเครือข่ายวัฒนธรรมอื่นๆ การสาธิตอาหารในรูปแบบตลาดย้อนยุค เช่น อาหารไทยโบราณ อาหารชาววัง อาหารพื้นถิ่นและสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้แก่ นวดไทย ลงรักปิดทอง มาลัยจากกระดาษทิชชู จัดดอกไม้ แกะสลักผัก ผลไม้ ดินปั้น เขียนลายคราม การทำเครื่องหอมสมุนไพรและผ้าปักเชียงราย

“ขณะนี้วธ.มีความพร้อมในการจัดงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติฯ ทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่ มีการจัดตั้งเต็นท์อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เวทีการแสดง ณ บริเวณสนามหลวง การจัดเตรียมริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งในส่วนของวธ.และหน่วยงานต่างๆ และการจัดเตรียมการแสดงชุดต่างๆ ได้เตรียมการและซ้อมกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบริการประชาชน เช่น การดูแลด้านจราจร ความปลอดภัยในพื้นที่สนามหลวง การอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาชมงานได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตำรวจในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ” น.ส.สุดาวรรณกล่าว

ขอเชิญชวนชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมชมงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารเฉพาะกิจให้บริการรับ-ส่งประชาชนเดินทางมาร่วมงานฟรี ระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 12.00 -22.00 น. จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ 1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท)- สนามหลวง 2. สายใต้ใหม่-สนามหลวง 3. หมอชิต-สนามหลวง 2 4. วงเวียนใหญ่สนามหลวง 5. สนามหลวง-ท่าช้าง-ท่าเตียน (เดินรถวงกลม) โดยมีจุดจอดรับ-ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765

เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมด้วยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคเพื่อไทย

จากนั้น น.ส.แพทองธาร นำกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้ ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในนามของพรรคเพื่อไทย คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกพรรค ทั้งที่มาชุมนุมพร้อมกันอยู่ ณ ที่นี้ และที่อยู่ในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ได้มาพร้อมกันถวายพระพรชัยมงคลแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท

ในวาระนี้ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างล้วนสำนึกในพระเมตตา และประจักษ์แจ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ นับเป็นอเนกประการ ด้วยพระราชวิริยอุตสาหะ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของปวงประชา และสร้างความวัฒนาสถาพร แก่ประเทศชาติ พระเมตตาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้แผ่ไพศาล ปกคลุมทั่วผืนแผ่นดิน ให้ทุกพื้นที่ได้อยู่อาศัยอย่างผาสุกร่มเย็น น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ล้นกระหม่อมของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้นำมาซึ่งความปีติซาบซึ้งประทับอยู่ในใจของปวงข้าพระพุทธเจ้าตลอดไป

ในศุภวาระมหามงคลสมัยนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ทั้งหลายขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลรักษาและดลบันดาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณ เกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบนิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐมนตรีที่เข้าร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

บรรยายใต้ภาพ

ถวายพระพร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำสมาชิกพรรคเพื่อไทยทำพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อ 9 ก.ค.

 



ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 11 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200