กทม. แจงเปิดกว้างประกวดราคาจัดซื้อกล้อง CCTV งานรักษาความปลอดภัยศูนย์เยาวชน (ไทย-ญี่ปุ่น)
นายสิงห์ ลิ้มพิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตถึงโครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิด (CCTV) ของศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การประกาศ TOR ทางเว็บไซต์ แต่ไม่มีข้อมูลรายละเอียด มีบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลเพียง 2 ราย กล้องชำรุดทั้งที่เพิ่งจัดซื้อว่า โครงการงานจัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิดชนิดเครือข่าย แบบมุมมองคงที่สำหรับติดตั้งภายในและภายนอกอาคาร ใช้ในงานรักษาความปลอดภัยทั่วไปและงานอื่น ๆ และอุปกรณ์ประกอบพร้อมติดตั้ง 256 กล้อง ติดตั้งที่ศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ซึ่งได้ประกาศร่างรายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) ทางเว็บไซต์ โดยขณะนี้ไฟล์ในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (eGP) ยังคงมีอยู่ในระบบและได้ลงรายละเอียดทุกขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (eGP) ส่วนกรณีบริษัทที่สืบราคากลางและยื่นซองประมูลเพียง 2 บริษัท สวท. ได้ประกาศเชิญชวนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (eGP) เป็นระยะเวลา 12 วันทำการ (ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 20 ธ.ค. 66) ซึ่งเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการทุกรายเข้ามายื่นซองประกวดราคาได้ โดยกำหนดยื่นข้อเสนอและเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (eGP) ในวันที่ 21 ธ.ค. 66 ระหว่างเวลา 09.00 – 12.00 น.
สำหรับคุณสมบัติของกล้อง CCTV และระยะเวลาการบันทึกภาพ ได้ใช้เกณฑ์ราคากลางและคุณลักษณะพื้นฐานของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้เปิดการใช้งานระบบกล้อง CCTV และอยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญา จึงไม่มีกล้อง CCTV ตัวใดที่แสดงถึงการชำรุดเสียหายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
กทม. เตรียมพร้อมวัคซีนป้องกันโรคตามฤดูกาล รุกให้ความรู้ป้องกันโควิด 19 ในกลุ่มเสี่ยง
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนพ. ได้จัดเตรียมเวชภัณฑ์สำหรับป้องกันและรักษาโรค สำรองยาให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย รวมทั้งเตรียมพร้อมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคตามฤดูกาล ได้แก่ โรคโควิด 19 โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่มีโรคประจำตัว พร้อมให้ความรู้ ข้อแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจะเน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ รวมถึงการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันโรคเบื้องต้น พร้อมทั้งมอบหมายกลุ่มงานอนามัยชุมชนของโรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง ให้บริการเชิงรุกให้ความรู้แก่ประชาชนที่มารับบริการและประชาชนในพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงให้ตระหนักถึงการดูแลและป้องกันโรคโควิด 19
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนที่มีอาการเสี่ยง เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากพบผลติดเชื้อ ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัวไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่น และรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากหากติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งขอให้ทุกคนไปรับวัคซีนโควิด 19 ประจำปี ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้จริง ทั้งนี้ หากสงสัยในอาการเจ็บป่วยสามารถพบแพทย์ผ่าน Telemedicine และแอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร. 1646 สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ กทม. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
กทม. เฝ้าระวังควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในศูนย์พัฒนาเด็กฯ – บ้านบางแค 2
นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน กทม. รวมถึงผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค 2 ว่า สพส. ได้เฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน 271 แห่ง ในพื้นที่ 45 เขต โดยแจ้งแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส RSV ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของสำนักงานเขตและอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน โดยขอความร่วมมือจัดตั้งจุดคัดกรองเด็กและอาสาสมัครฯ วัดอุณหภูมิร่างกาย ให้เด็กล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล คอยสังเกตอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ปวดศีรษะ ไข้ ไอ น้ำมูกไหล หายใจลำบาก เจ็บคอ เป็นต้น กรณีมีเด็กป่วยให้แยกออกจากเด็กปกติ ไม่ให้คลุกคลี หรือใช้สิ่งของร่วมกัน โดยจัดให้อยู่ในห้องแยก ห้องพยาบาล และแจ้งผู้ปกครองมารับไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและตรวจรักษาและให้หยุดรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการหลัก (DMHT) ได้แก่ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Distancing) สวมหน้ากากอนามัย (Mask) กรณีเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัด พื้นที่ปิด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ล้างมือ (Hands Washing) ด้วยสบู่ น้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Temperature check) และสังเกตอาการ จัดจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด เจลแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างเพียงพอ ทำความสะอาดห้องเรียน พื้นผิวสัมผัส หรือพื้นที่ใช้งานร่วมกันบ่อย ๆ ทุกวัน เช่น ราวบันได โต๊ะอาหาร อุปกรณ์กีฬา ที่จับประตู ฯลฯ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาซักผ้าขาว สำหรับการเช็ดฆ่าเชื้อโรคของอุปกรณ์และทำความสะอาดห้องสุขาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาซักผ้าขาวอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จัดห้องเรียนให้มีการระบายอากาศที่ดี หากห้องเรียนมีพื้นที่จำกัดให้ปฏิบัติตามมาตรการหลัก (DMHT) กรณีหากพบเด็กป่วยเป็นกลุ่มก้อน (ตั้งแต่ 5 รายขึ้นไป) สพส. จะประสานศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดในวงกว้าง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV แก่ผู้ปกครอง
นอกจากนั้น ยังได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคจากเชื้อไวรัส RSV สำหรับผู้สูงอายุที่ใช้บริการบ้านผู้สูงอายุบางแค 2 และศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดง โดยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับอาการและสาเหตุของการเกิดโรค ตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองประเมินอาการเบื้องต้นของผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ และผู้มาติดต่อราชการ กำชับผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยสวมหน้ากากอนามัยและจัดให้มีจุดล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล ทำความสะอาดห้องที่ผู้สูงอายุใช้บริการบริเวณอาคารสำนักงาน ห้องอาหาร ห้องกายภาพบำบัด ศาลาธรรม ห้องพักผู้สูงอายุ และทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสเป็นประจำ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับกรณีผู้สูงอายุที่ใช้จะบริการบ้านผู้สูงอายุบางแค 2 ซึ่งถือเป็นผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อโรค หากพบว่า มีอาการไอ มีเสมหะมาก หรือพบผู้ติดเชื้อไวรัส RSV จะนำผู้สูงอายุเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา
กทม. เดินหน้าจัดระเบียบ-ดูแลความปลอดภัยย่านเยาวราชรองรับนักท่องเที่ยว
นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวถึงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบพื้นที่ย่านเยาวราช เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติว่า ถนนเยาวราชเป็นจุดผ่อนผันที่ กทม. ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่อัตลักษณ์วิถีชุมชน ย่านพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นย่านไชน่าทาวน์ของเมืองไทย มีประวัติศาสตร์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นแหล่งการค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงอาหารริมทางที่หลากหลาย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าจากเยาวราชจำนวนมาก กทม. โดย สนท. จึงได้ประสานและบูรณาการร่วมกับสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก จัดให้มีแผงเหล็กกั้นถนนหนึ่งช่องจราจร ทั้งสองฝั่ง เพื่อความปลอดภัยด้านการจราจร รวมถึงดำเนินโครงการเทศกิจห่วงใย ใส่ใจนักท่องเที่ยว โดยจัดเทศกิจขับขี่รถพลังงานไฟฟ้า 2 ล้อ ดูแลนักท่องเที่ยว ป้องกันนักท่องเที่ยวไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากกระแสการถ่ายมิวสิกวิดีโอ (MV) เพลง “ROCKSTAR” ของลิซ่า ซึ่งใช้สถานที่ถ่ายทำในกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านเยาวราชและโรงภาพยนตร์ออสการ์เก่า ซอยเพชรบุรี 39 เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่น ยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดึงดูดผู้ติดตามของลิซ่าซึ่งมีอยู่ทั่วโลกให้หันมาสนใจบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นโอกาสเพิ่มกระแสความนิยมในการท่องเที่ยวไทยตามรอย MV มาที่ย่านเยาวราช ซึ่งขณะนี้ถือเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นกับย่านเยาวราชในประเทศไทย กทม. จะได้เพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว กระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ต่อไป
นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวถึงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบพื้นที่ย่านเยาวราช เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติว่า ถนนเยาวราชเป็นจุดผ่อนผันที่ กทม. ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่อัตลักษณ์วิถีชุมชน ย่านพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นย่านไชน่าทาวน์ของเมืองไทย มีประวัติศาสตร์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นแหล่งการค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงอาหารริมทางที่หลากหลาย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าจากเยาวราชจำนวนมาก กทม. โดย สนท. จึงได้ประสานและบูรณาการร่วมกับสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก จัดให้มีแผงเหล็กกั้นถนนหนึ่งช่องจราจร ทั้งสองฝั่ง เพื่อความปลอดภัยด้านการจราจร รวมถึงดำเนินโครงการเทศกิจห่วงใย ใส่ใจนักท่องเที่ยว โดยจัดเทศกิจขับขี่รถพลังงานไฟฟ้า 2 ล้อ ดูแลนักท่องเที่ยว ป้องกันนักท่องเที่ยวไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากกระแสการถ่ายมิวสิกวิดีโอ (MV) เพลง “ROCKSTAR” ของลิซ่า ซึ่งใช้สถานที่ถ่ายทำในกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านเยาวราชและโรงภาพยนตร์ออสการ์เก่า ซอยเพชรบุรี 39 เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่น ยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดึงดูดผู้ติดตามของลิซ่าซึ่งมีอยู่ทั่วโลกให้หันมาสนใจบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นโอกาสเพิ่มกระแสความนิยมในการท่องเที่ยวไทยตามรอย MV มาที่ย่านเยาวราช ซึ่งขณะนี้ถือเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นกับย่านเยาวราชในประเทศไทย กทม. จะได้เพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว กระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ต่อไป
