รายงานพิเศษ: ‘ชัชชาติ’ เปิดหน้าสู้ทุจริตกทม. ย้ำ! อย่าเนรคุณคนจ่ายภาษี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์สยามรัฐถึงแนวทางแก้ปัญหาทุจริตใน กทม.ว่า เรื่องนี้มี 3 องค์ประกอบสำคัญที่ต้องดำเนินการ คือ 1.สนับสนุนคนดีเข้าสู่ตำแหน่งงาน การแต่งตั้งโยกย้ายยึดถือคนดี มีผลงานความสามารถที่ดี ไม่ซื้อขายตำแหน่ง การแก้ไขเรื่องนี้จำเป็นต้องเริ่มที่คนเป็นอันดับแรก เนื่องจากถึงแม้จะมีกฎระเบียบรอบคอบรัดกุมอย่างไรก็ตาม หากคนในตำแหน่งไม่ดีก็สามารถหาช่องทางทุจริตได้ 2.การแก้ช่องโหว่และกฎระเบียบต่างๆ ซึ่ง กทม.ดำเนินการไปหลายเรื่อง เช่น การเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง การใช้ระบบ e-Auction และ e-bidding ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถทำได้ตามขอบเขตอำนาจในส่วนของ กทม.เท่านั้น เพราะมี พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เป็นกฎใหญ่กำกับไว้อยู่แล้ว

3.ใช้เทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นนโยบายลำดับต้นๆ ของ กทม.ตั้งแต่ตนเริ่มเข้ามาทำงานเพราะการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างการประกวดราคา งบประมาณที่ใช้ จะสามารถเพิ่มแนวร่วมในการตรวจสอบทุจริตได้ โดยเฉพาะประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากการทุจริตมากที่สุด สามารถช่วย กทม.ตรวจสอบได้โดยการแจ้งเรื่องผ่านช่องทางต่างๆ ที่ กทม. เปิดรับ เช่น ทราฟฟี่ ฟองดูว์ซึ่งจะทำให้มองเห็นปัญหาทุจริตชัดเจนมากขึ้น

ยกตัวอย่างกรณีปัญหาจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาที่ผ่านมา เกิดจากการเปิดเผยข้อมูลของ กทม. เพื่อหาแนวร่วมในการตรวจสอบ นำไปสู่การติดตามปัญหา และดำเนินการอย่างรอบคอบ ซึ่งผู้บริหารกทม.ไม่เพิกเฉย เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนโดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และขยายผลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านต่อต้านทุจริตโดยตรง

“ต้องเอาความโปร่งใสเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่พูดไม่ได้ ผมว่าเป็นเรื่องที่กัดกินประเทศไทยอยู่ ทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน และการได้ของไม่ดี ราคาแพง ประชาชนไม่เชื่อถือ ต่างชาติก็ไม่ชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว เรื่องนี้สำคัญ ผมว่าถ้าร่วมมือกันจะทำให้ดีขึ้นได้”

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ได้เน้นย้ำเรื่องนี้กับข้าราชการมาตลอด ตั้งแต่เริ่มมาทำงานวันแรก ว่ากทม.เน้นเรื่องความโปร่งใส ไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน ไม่มีการส่งเงินให้ผู้บริหารหรือซื้อขายตำแหน่ง หากมีใครนำชื่อผู้บริหารมากล่าวอ้างเรื่องซื้อขายตำแหน่ง อย่าหลงเชื่อ

“หากใครอ้างชื่อว่าต้องส่งให้ผู้บริหาร ไม่มียืนยันว่าแต่งตั้งโยกย้ายซื้อขายตำแหน่งไม่มี โดนหลอกทั้งนั้น หัวใจสำคัญคือเรามีข้าราชการ-ลูกจ้างประมาณ 80,000 คน แต่ละคนมีเงินเดือน มีสวัสดิการมากมาย มากกว่าประชาชนอีกเป็นล้านๆคน ที่เขาต้องหาเช้ากินค่ำ เพื่อหาภาษีมาจ่ายเงินเดือนพวกเรา อย่าเนรคุณคนที่ทำดีกับเรา ต้องคิดถึงประชาชนมากๆ เพราะเขามีบุญคุณกับเรา เวลามีคนถูกจับเรื่องทุจริตผมไม่สงสารคนทุจริตเลย ผมสงสารแต่ครอบครัวลูกเมียเขา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการกระทำของพวกเรา ผมว่าต้องยืนให้ตรงทำงานให้ดีที่สุด เราโชคดีกว่าหลายคน ตรงที่เรามีเงินเดือนและสวัสดิการมากมาย

เรื่องทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ จริงๆ แล้วเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ของประเทศ ถ้าเราไม่พูดถึง ก็คงไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาสำคัญของประเทศชาติได้ ไม่ได้มีเฉพาะ กทม. เป็นเรื่องที่มีทุกหน่วยงาน แล้วก็ฝังรากลึกกันมานาน”ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

สำหรับการดำเนินงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมานายชัชชาติ กล่าวว่า ได้เน้นเรื่องการเพิ่มโรงพยาบาลศูนย์บริการสาธารณสุข สวนสาธารณะ การปรับปรุงก่อสร้างถนน ปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนทั้งด้านโครงสร้าง สุขอนามัยและเนื้อหาสาระวิชารวมถึงเรื่องสำคัญคือการเปลี่ยนแนวคิดการทำงานของข้าราชการจากนโยบาย หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน โดยการสนับสนุนให้ข้าราชการทำงานผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลจัดทำมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากประชาชนไม่ไว้ใจที่จะแจ้งปัญหา

นายชัชชาติ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนให้ความสำคัญกับระบบทราฟฟี่ฟองดูว์เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มาก และรวดเร็วตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนแจ้งเรื่องต่างๆผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์กว่า 6 แสนเรื่อง กทม.เดินหน้าแก้ปัญหาไปแล้วเกือบ5 แสนเรื่อง สะท้อนความไว้ใจจากประชาชนที่มีต่อกทม. เพราะหากประชาชนไม่ไว้ใจ จะไม่มีทางเสียเวลาแจ้งปัญหาให้ กทม.ทราบ

“แต่ก่อนคนจะหันหน้าให้ผู้ว่าฯ ว่าผู้ว่าฯ จะสั่งอะไร ไปไหนคนเข้าแถวต้อนรับเต็มเลย บางทีไม่ค่อยได้สนใจประชาชนเท่าไร เราจึงเปลี่ยนนโยบายเป็นหันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีทราฟฟี่ ฟองดูว์ ให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาไปเกือบ 500,000 เรื่อง จาก 600,000 เรื่อง โดยที่ผมไม่ต้องสั่งการเลย เรื่องความไว้ใจจากประชาชนเห็นได้จากการแจ้งเรื่องกว่า 600,000 เรื่อง เดิมทีทีมงานมีความกังวลว่าประชาชนแจ้งเรื่องมาเยอะขนาดนี้ แสดงว่าประชาชนไม่ไว้ใจเราหรือไม่ แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ นี่แสดงให้เห็นว่าประชาชนไว้ใจเรา ถ้าเขาไม่ไว้ใจเราเขาไม่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพและเขียนแจ้งเรื่องราวให้เราทราบ เราเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ ให้ทุกเขตทุกสำนักร่วมกันดำเนินการผ่านทราฟฟี่ ฟองดูว์ สามารถสร้างความไว้ใจได้ และผมเชื่อว่าเมื่อใดก็ตามที่เราไว้ใจประชาชน และประชาชนไว้ใจเราเมืองจะเดินได้เร็วขึ้นเพราะเรามีแนวร่วมต่างๆ”

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตลอดสองปีที่ผ่านมาดำเนินการไปหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีคิดของข้าราชการผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ รวมถึงเรื่องทางเท้าและระบบเส้นเลือดฝอยต่างๆ ส่วนสองปีข้างหน้าจะเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางและมุ่งเปลี่ยนวิธีคิดของข้าราชการต่อไป เพราะมองว่าเป็นระบบที่ได้เริ่มไว้ ทำให้ประชาชนคุ้นชิน มีความยั่งยืนในระยะยาว

“สองปีต่อจากนี้จะได้เห็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ยังให้ความสำคัญเรื่องประชาชนเป็นศูนย์กลางโดยการเปลี่ยนวิธีคิดของข้าราชการหากทำแบบนี้ได้ ถึงแม้ผมจะหมดเทอมไปแล้ว แต่สิ่งนี้จะเปลี่ยนไปถาวร กลับมาไม่ได้แล้ว ยกตัวอย่างเราสร้างศูนย์กีฬาที่สวนเบญจกิติ ปรากฏว่ามีภาคเอกชนจำนวนมากมาร่วมลงทุนกับเรา เช่น สร้างสนามแบดมินตัน สนามเด็กเล่น สนามกีฬาเอ็กซ์ตรีมลานปั่นจักรยาน สนามปิงปอง เป็นต้น เพราะเขาไว้ใจเรา เห็นว่าเราเอาจริงเอาจัง จึงช่วยให้งานเดินหน้าไปได้หลายอย่าง ถ้าเราร่วมมือกัน มีความไว้ใจกัน ก็จะทำให้เดินหน้าไปด้วยกันได้” นายชัชชาติกล่าว

 



ที่มา:  นสพ.สยามรัฐ ฉบับวันที่ 25 มิ.ย. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200