น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. เผยถึงความคืบหน้าการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ สำหรับผู้ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวข้องกับสัตว์ว่า หลังชัดเจนว่าเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีใบอนุญาต 2 ประเภท คือ 1.ใบอนุญาตให้ทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (แบบ ร.10) ที่ต้องยื่นขอกับกรมปศุสัตว์ และ 2.ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (แบบ อภ.2) ต้องยื่นขอสำนักงานเขต เพื่อให้เปิดดำเนินกิจการได้

ทั้งนี้ ผู้ค้าสัตว์ที่อยู่ในตลาดสังกัดสำนักงานตลาดกทม.ทั้งตลาดจตุจักร 2 เขตมีนบุรี และตลาดธนบุรี(สนามหลวง 2) เขตทวีวัฒนา ล่าสุดอยู่ระหว่างเร่งประสานกรมปศุสัตว์เพื่อตั้งจุด One Stop Service พร้อมกันที่ตลาดภายในห้วงสัปดาห์นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ค้าขอรับใบอนุญาตได้ทั้ง 2 ใบ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

“จะเริ่มเปิดให้ยื่นภายในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป และเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ใบอนุญาตให้แล้วเสร็จทั้ง 2 ตลาด ภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้”

เบื้องต้นในส่วนผู้ค้าในตลาดน่าจะดำเนินการได้ทันกำหนด ส่วนผู้ค้านอกตลาดสามารถยื่นขอได้เช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่จะนัดวันลงตรวจก่อนให้ใบอนุญาต ซึ่งแบบอภ.2 มีระยะเวลา 1 ปี หากหมดอายุต้องขอใหม่

น.ส.ทวิดา ระบุ ในส่วนแบบ ร.10 ของกรมปศุสัตว์จะมีการลงตรวจก่อนให้ใบอนุญาต ส่วนแบบอภ.2 เมื่อยื่นกับเขตแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบตามเกณฑ์ พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ในส่วนการ จัดสวัสดิภาพไม่ให้ถูกทารุณกรรมตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ 2557 ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่ตลาดค้าสัตว์เลี้ยงในเขตมีนบุรี พบมีแผงค้าสัตว์เลี้ยง 49 ราย มีแบบ ร.10 เพียง 2 ราย มีสัตว์เลี้ยงประเภทต่างๆ อาทิ ปลา นก เป็ด-ไก่ สุนัข แมว เป็นต้น รวม 8,546 ตัว มากสุดคือปลาสวยงาม

ส่วนตลาดธนบุรี(สนามหลวง 2) ในเขตทวีวัฒนา มีแผงค้าสัตว์เลี้ยง 64 ราย มีแบบ ร.10 เพียง 14 ราย ประเภทสัตว์เลี้ยงใกล้เคียงกัน รวม 70,784 ตัว สัตว์ที่มีมากสุดคือ ปลาสวยงามเช่นเดียวกัน.

ที่มา:  นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 มิ.ย. 2567 (กรอบบ่าย)