สู่เมืองที่ ‘เอื้อ’ สำหรับทุกคน
การจะก้าวเป็น “กรุงเทพมหานครเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” อาจต้องเริ่มจากการออกแบบเมืองกรุงเทพฯ ให้พร้อมเพรียงด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองยั่งยืนและเท่าเทียม
ปัจจุบัน “กรุงเทพมหานคร” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งหนึ่งของโลกที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง โดยหากนับจากจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการ มีไม่ต่ำกว่า5.5 ล้านคน ยังไม่นับประชากรแฝงที่หากรวมกันแล้วคาดว่าอาจมีถึงกว่าสิบล้านคน
เสน่ห์ของกรุงเทพฯ คือความเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางผู้คน วัฒนธรรม ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบของ “เมืองน่าอยู่และน่าทำงานมากที่สุด” จากนานาประเทศต่อเนื่องหลายปี
แต่ความจริงแล้ว ภาพลักษณ์ดังกล่าว คือมุมมองจากสายตาคนภายนอกที่เห็น เพราะหากย้อนกลับมาที่มุมมองของ “คนกรุงเทพฯ” เอง เราต้องยอมรับว่า กรุงเทพฯ ยังมี “ข้อบกพร่อง” อีกหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะการเป็นเมืองน่าอยู่ในกลุ่ม “ผู้พิการ” และ “กลุ่มเปราะบาง” ที่ต่างเป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ แต่พวกเขายังคง “ขาดแคลน” สิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายด้าน รวมถึงพวกเขาบางคนเอง ก็ยังเข้าไม่ถึงสิทธิและสวัสดิการที่เท่าเทียม
สร้าง #กรุงเทพฯเพื่อทุกคน
ในงานเทศกาล BANGKOK For ALL ที่จัดโดย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะของพ่อเมืองที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนกรุงเทพฯ ไปสู่ เป้าหมายการเป็นเมืองที่น่าอยู่ และสนับสนุนการยกระดับชีวิต สร้างคุณภาพให้กับคนเมืองได้สะท้อนถึงจุดยืนในการออกแบบเมือง โดยไม่ทอดทิ้งทุกคน รวมถึงคนพิการในสังคมว่า คนพิการอาจมีร่างกายหรือมีบางสิ่งแตกต่าง แต่ศักยภาพไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นคนพิการจึงสามารถใช้ชีวิตและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับคนอื่น
“คนพิการไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจ สงสาร แต่เขาต้องการความเข้าใจ เพราะเราทุกคนศักดิ์ศรีเท่ากัน ดังนั้น ในเรื่องการงาน อยากให้เรารับคนพิการทำงาน ไม่ใช่เพราะมองว่าเขาน่าสงสาร แต่เป็นเพราะเขามีศักยภาพไม่แตกต่าง จากคนธรรมดาแบบพวกเรา”
สุดท้าย ผู้ว่า กทม. เชื่อมั่นว่าจะทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้เกิดความสุข และยังย้ำถึงการทำให้พี่น้องคนพิการที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองได้โดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการที่กรุงเทพฯ จะต้องมี สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ทุกคน เข้าถึงได้ ทั้งเรื่องการเดินทาง ใช้ชีวิต การจ้างงาน ส่งเสริมการศึกษา
อีกภาคส่วนของสังคม ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ด้วยเป้าหมาย ที่ต้องการหนุน เสริมสร้างสังคมให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี ทุกคน สสส. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ร่วม ส่งเสริมและสนับสนุนคนพิการใน กทม. ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วยการทำงานเชิงรุก และผลักดันนโยบาย ในทำงาน 5 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการ จ้างงานคนพิการในสำนักงานเขต กทม. ให้มีงานทำตามความถนัด 2.ด้านสุขภาพดี พัฒนาระบบบริการสุขภาวะ ให้คนพิการ ได้รับความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ เข้าถึงบริการ
สาธารณสุข 3.ด้านการเรียนรู้ ส่งเสริม การศึกษาเด็กพิการอย่างเท่าเทียม ผ่านงาน คนพิการเรียนไหนดี ที่แนะนำเรื่องการศึกษาต่อและค้นหาทักษะของตัวเอง 4.ด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกส่งเสริมให้ออกแบบเมืองเพื่อทุกคน 5.ด้านปรับเจตคติหรือทัศนคติ ให้เปลี่ยนความเชื่อว่า คนพิการไม่ใช่ภาระแต่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมเทียบเท่ากับทุกคนได้
ด้านฝั่งภาคเอกชนอย่าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) องค์กร ที่ส่งเสริมความหลากหลายและโอกาสที่ เท่าเทียม ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกิจกรรม ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนร่วมงานนี้ เพราะนอกจากได้เรียนรู้คุณภาพชีวิตคนพิการ ยังทำให้มีส่วนร่วมการส่งเสริมให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่
“เซ็นทรัลพัฒนา เรามุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาคนเพื่อคุณภาพชีวิต พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ โดยเน้นการใช้อารยสถาปัตย์หรือ Universal Design ในการออกแบบ ยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คน ทั้งด้านการออกแบบเพื่อตอบสนองทุกกลุ่ม การส่งเสริมเพิ่มพื้นที่สีเขียวสาธารณะประโยชน์เพื่อชุมชน ในด้านคนพิการบริษัทฯ ส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพผู้พิการทุกธุรกิจภายในกลุ่มเซ็นทรัล โดยมีการจ้างงานเกือบ 800 คน พร้อมการสนับสนุนพื้นที่และการส่งเสริมให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ อาทิ การให้พื้นที่ผู้พิการมาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
เปิดตัว ‘Bangkok For ALL’ ส่งมอบไลน์เมืองใจดี
สำหรับตลอดระยะเวลาการจัดงานเทศกาล BANGKOK For ALL 5 วันยังเต็มไปด้วยกิจกรรมหลากหลาย อาทิ กิจกรรมนวัตกรรมเพื่อคนพิการ เช่น กิจกรรม”เล่นเส้น” สื่อเรียนรู้เพื่อคนพิการทางการเห็นบูทนวัตกรรมคนพิการ ในการใช้ชีวิตประจำวันการเปิดตัว BMA Line OA เพื่อคนทุกกลุ่ม ในการใช้ชีวิตใน กทม. และโอกาสเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนพัฒนากรุงเทพฯ ก้าวสู่การเป็นเมืองน่าอยู่อย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวคิดการออกแบบพื้นทุกคน
ในงานเดียวกัน ยังมีการเปิดตัว LINE OA ‘Bangkok For ALL’ และการส่งมอบ Line Chatbot เมืองใจดี พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก สร้าง #กรุงเทพฯเพื่อทุกคน ให้กรุงเทพฯ นำไปพัฒนาสานต่อเพื่อ คนพิการ ผู้สูงอายุ
ดร.สุปรีดา อธิบายถึงที่มาของ LINE Chatbot นี้ว่า เกิดจากการทำงาน พบปัญหาระดับประเทศคือ เมืองไทยยังขาดเครื่องมือและฐานข้อมูล ช่วยพัฒนา สิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ใช้รถเข็น อีกไม่น้อย เช่น โครงสร้างรถสาธารณะ การออกแบบทางเท้า รวมถึงการพัฒนาระบบและสัญญาณจราจร ที่ยังไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้
ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านออนไลน์ มีบทบาทกับชีวิตคนปกติและ คนพิการอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันไลน์ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของการพัฒนานวัตกรรม Line Chatbot เมืองใจดี ที่ สสส. ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูล ค้นหาสิ่งอำนวยความสะดวก และนำมาวิเคราะห์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้ดีขึ้น ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ดร.สุปรีดา เชื่อว่า Line Chatbot เมืองใจดีจะช่วยออกแบบ และทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนได้ เพราะในแอปพลิเคชันจะจัดเก็บข้อมูลจาก ผู้ใช้งานตามจุดต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนพิการและไม่พิการ ปัจจุบันมีฐานข้อมูล 4,997 จุด แบ่งเป็น 7 ประเภท 1.ทางลาด 1,433 จุด 2.ห้องน้ำ 1,006 จุด 3.ที่จอดรถ 875 จุด 4.ป้ายและสัญลักษณ์ 407 จุด 5.ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร 226 จุด 6.ลิฟต์ 939 จุด 7.ทางเดิน 111 จุด เตรียมขยายการเชื่อมต่อไปที่ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ (BTS), รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) และระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการ สานพลังภาคีเครือข่ายให้เกิดการจัดการเมืองที่ยั่งยืน
“สสส. ยินดีที่จะมอบ Line Chatbot เมืองใจดี ไปใช้ประโยชน์และเชื่อมต่อกับ LINE OA ‘Bangkok For ALL’ เพื่อเป็นอีกช่องทางให้คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ใช้รถเข็นและทุกคน ได้ติดตามข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่สาธารณะในกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลในการเข้าถึงและรับรู้เรื่องการเดินทางและเป็นอีกฐานข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ในการพัฒนา ปรับสภาพแวดล้อม สำหรับทุกคนได้เหมาะสม โดยนวัตกรรมนี้จะเป็นข้อมูลเชิงบวกในการรายงานสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน คู่ขนานกับการแจ้งปัญหาผ่าน LINE Traffy Fondue ของ กทม.” ดร.สุปรีดา กล่าวและว่า
“สสส. หวังว่าเมื่อส่งมอบให้ทาง กทม. หน่วยงานต่าง ๆ อาทิ เจ้าหน้าที่ตามเขตต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มข้อมูลด้านจุดบริการที่มีในพื้นที่ของท่าน ซึ่งจะช่วยให้ความสมบูรณ์ของแอปพลิเคชันเมืองใจดีก็จะมีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยแผนในระยะยาวต่อไปคือการนำแอปฯ นี้ไปพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลอื่นๆ เช่นระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ เอ็มอาร์ที หรือ บีทีเอส และระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่จะทำให้ ผู้สูงอายุและผู้พิการลดการพึ่งพา”
ด้าน ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. พัฒนาระบบ LINE Official BMA for Bangkok Handicap person ขึ้นมา ซึ่งเชื่อมต่อฐานข้อมูลจากเว็บไซต์ Bangkok Oss (ระบบบริการ กทม.), NiNa (การหางานมูนิธิมหาไถ่, บริการแกรบ บริการค้าขายออนไลน์ลาซาดา ประกันอุบัติเหตุจาก คปภ.) เพื่อเป็นสวัสดิการและเป็นช่องทางให้คนพิการติดตามข่าวสาร สิทธิประโยชน์ของตัวเอง พร้อมรับส่วนลดสินค้าและบริการต่างๆ
“ปัจจุบันมีผู้พิการที่ลงทะเบียนกับ กทม.ประมาณ 100,000 คน แต่ยังมีผู้พิการ ที่แฝงอยู่และยังไม่ได้ลงทะเบียนกับ กทม. อีกหลายแสนคน ซึ่งต้องการจะทำยังไง ให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งต่อ เข้าถึงและทำให้ ผู้พิการได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน ทุกคนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่จำเป็น และสำคัญต่าง ๆ สำหรับคนพิการ”
พร้อมเอ่ยต่อว่า ประชาชนผู้สนใจ แอปฯ นี้เพียงกรอกเลขประจำตัว 13 หลัก และกรอกเลขที่บัญชีธนาคาร ก็สามารถ รับทราบข้อมูลข่าวสาร สิทธิประโยชน์ ต่าง ๆ และสวัสดิการต่าง ๆ ในอนาคตได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ซ้ำอีกหลายครั้ง เพราะแอปฯ นี้จะเป็นศูนย์กลางในการ รับสิทธิประโยชน์ในแอปฯ เดียว
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 ม.ค. 2566