นายช่าง

การรับฟังเสียงประชาชนโดยการนำเอาร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ที่ถูกคัดค้าน จากนั้น ผู้ว่าราชการ กทม. ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้สั่งให้ไปรับฟังเสียงประชาชนคนกรุงเทพฯ เสียใหม่ นั้น

ปรากฏว่า การรับฟังเสียงประชาชนที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ก็ยังคงใช้ร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 มาเป็นต้นแบบรับฟังเหมือนที่ได้ทำมาแล้ว

ทั้งที่ทราบว่าถ้ายังทำอะไรในรูปแบบเดิมๆ ผลที่ได้ก็จะเหมือนเดิม นั่นคือ ถูกประชาชนจำนวนมากคัดค้านไม่เห็นด้วยเหมือนเดิม

ผู้คนเข้าใจว่า กทม.จะยังคงใช้ร่างผังเมืองรวมฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ไปออกประกาศใช้บังคับเป็นผังเมืองรวมตามกฎหมายต่อไปนั่นเอง และเป็นเรื่องที่ไม่มีผลในทางควบคุมกำกับการพัฒนาเมืองได้ตามผังเมืองรวมอย่างจริงจัง และจะเป็นเครื่องสร้างอุปสรรคและปัญหาในการพัฒนาเมืองและการก่อสร้างอาคาร แล้วถูกใช้เป็นเครื่องมือของ เจ้าหน้าที่บางส่วนนำไปใช้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างนี้ น่าจะบอกอะไรในทางบริหารจัดการของหน่วยงานของรัฐในอีกทางหนึ่งได้ไหมว่า ผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งหาได้มีอำนาจในการบริหารจัดการในการทำงานของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นเป็นไปตามนโยบายที่ผู้บริหารที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนได้หรือไม่ก็ได้

เมื่อผู้ว่าราชการ กทม. สั่งการให้ไปรับฟังเสียงประชาชนในเขตต่างๆ ของ กทม.นั้น กทม.ควรต้องนำข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่เหล่านั้นไปแสดงต่อคนในพื้นที่นั้นๆ ว่า พื้นที่ตรงนั้นมีศักยภาพ มีภูมิศาสตร์ มีพื้นที่สำคัญ พื้นที่ต้องอนุรักษ์รักษาไว้มีอะไรบ้าง เพื่อจะได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่จะให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นได้ตรงกับศักยภาพของที่นั้นๆ มากกว่าการกำหนดการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่เป็นสี

เมื่อผังเมืองรวมกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่นั้น การที่จะอยู่ร่วมกันของกิจกรรมของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ก็จะสอดคล้องกัน

ความขัดแย้งก็จะน้อยลง จิตวิทยาสังคมก็จะสงบลง สังคมย่อมสงบสุข ซึ่งนี่ก็คือวัตถุประสงค์ของชีวิตผู้คน

ข้อสงสัยก็คือ เหตุใด เจ้าหน้าที่ กทม. หรือคณะกรรมการผังเมือง กทม. จึงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ฟังและไม่ปฏิบัติตามนโยบายของผู้ว่าฯ

จะเป็นเพราะไม่เข้าใจหรือทำเป็นไม่เข้าใจเจตนารมณ์ในนโยบายของผู้ว่าราชการ กมท. เพราะเชื่อว่าผู้ว่าราชการ กทม.ไม่อาจให้คุณให้โทษเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำถูก ทำชอบหรือผิดพลาดคลาดเคลื่อนแต่อย่างใด

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2567