ทีมข่าวชุมชนเมือง รายงาน
ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้ ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการเดินทาง ขนส่ง อาหาร รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องอาหารถือเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต หลายหน่วยงานจึงหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตวัตถุดิบไว้บริโภคด้วยตนเองมากขึ้น
กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีภารกิจสำคัญอีกเรื่องนอกเหนือจากนโยบายอื่น นั่นคือการทำให้เกิด”ความมั่นคงยั่งยืนทางด้านอาหาร” ก่อนหน้านี้ดำเนิน โครงการBKK Food Bank ขึ้นเพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และช่วยเหลือบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจให้กลุ่มเปราะบางที่อยู่ในเมืองกรุง แต่นั่นก็เป็นเพียงหนึ่งนโยบายที่เกิดผลลัพธ์ปลายทาง แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ หากประชาชนสามารถผลิตอาหารไว้บริโภคเองได้ในครัวเรือนและเพียงพอ จะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน
นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผอ.สำนักพัฒนาสังคม กล่าวว่า ตามนโยบายนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ที่ให้สำนักพัฒนาสังคมจัดทำโครงการ “ส่งเสริมการปลูกผักเพื่อความมั่นคงทางอาหารให้แก่ชุมชนในกทม.” ส่วนส่งเสริมเกษตรกรรม สำนักงานการส่งเสริมอาชีพ จึงดำเนินโครงการดังกล่าวนำร่องตั้งแต่ปี 66 ชักชวนประชาชน ซึ่งไม่ได้มีเพียงพื้นที่รอบนอกที่เป็นพื้นที่เกษตรแต่พื้นที่ “ในเมือง” ก็สามารถเป็นเกษตรกรปลูกผักไว้กินเองได้มาเข้าร่วมโครงการปลูกพืชผักเกษตรปลอดสารพิษ เขตละ 4 ราย มีผู้เข้าร่วมโครงการครบทั้ง 50 เขต รวม 205 ราย เป็นพื้นที่ปลูกที่เข้าร่วมโครงการ 82.85 ไร่
โดยสำนักพัฒนาสังคมได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักให้กับ ผู้เข้าร่วมโครงการแปลงละ 9 ชนิด เป็นประเภทพืชผักสวนครัวที่สามารถใช้บริโภคเองในครัวเรือนได้ และยังเป็นเมล็ดพันธุ์ ตามความต้องการของประชาชน ได้แก่ คะน้า พริกขี้หนู มะเขือเปราะ โหระพา กระเพรา ผักบุ้ง ผักกาดขาว กวางตุ้ง ดอกกวางตุ้ง
ระหว่างนั้นจะมีนักวิชาการเกษตร ของส่วนส่งเสริมเกษตรกรรม ลงพื้นที่ให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหา ด้านการปลูก การดูแลการป้องกัน การกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งให้ความรู้วิธีการผลิตเมล็ดพันธุ์เก็บไว้ปลูกหมุนเวียนตลอดปี เพื่อความมั่นคงทางอาหาร
ต่อมาปี 67 ได้จัดทำโครงการ ส่งเสริมการปลูกผักเพื่อความมั่นคงทางอาหารให้แก่ชุมชน 100 ชุมชนจาก 50 เขต มีการจัดอบรมให้ความรู้ และมอบปัจจัยการผลิตเพื่อต่อยอดพื้นที่อาหารจากการปลูกผักกินเองสู่การสร้างรายได้เสริม หรือต่อยอดเป็นอาชีพ ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะมีชุมชนเข้าร่วมโครงการปลูกผักปลอดสารไว้บริโภคเองในชุมชนครบตามจำนวนที่ตั้งเป้าไว้
ผอ. สำนักพัฒนาสังคม กล่าวต่อว่า การปลูกผักไว้กินเอง หากสามารถต่อยอดเป็นรายได้ให้กับผู้ปลูกได้จะเป็นเรื่องดีทำให้มีรายได้หมุนเวียนภายในครอบครัวและชุมชน ผู้ว่าฯกทม. จึง มอบนโยบายให้ส่งเสริมเกษตรกรและชุมชนที่ปลูกผักได้รับมาตรฐานสินค้าเกษตรของกรุงเทพฯ หรือ “Bangkok G” ซึ่ง เป็นมาตรฐานผลผลิตทางการเกษตรของกทม.โดยดำเนินงานร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ในการตรวจรับรองแหล่งผลิตพืช และประเมินแหล่งผลิตพืช
“ถือเป็นการยกระดับผลผลิตการเกษตรของเกษตรกรที่ปลูกให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาด และผู้บริโภครวมทั้งยังสร้างโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย”
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ผลผลิตผ่านการรับรองมาตรฐาน Bangkok G จำนวน 8 เขต เกษตรกร 14 ราย มีผลผลิตขอรับการรับรองทั้งสิ้น 87 รายการ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนปลูกผัก แต่หลายคนยังกังวลเรื่องตลาดในการนำสินค้ามาจำหน่าย ประเด็นนี้ ผอ.สำนักพัฒนาสังคม ระบุ เรื่องสถานที่จำหน่ายหรือตลาดนั้น กทม.เตรียมไว้พร้อมเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยจัดตลาดเกษตรกร Farmer Market เปิดพื้นที่ให้เกษตรกร ผู้ค้า ผู้ประกอบการนำผลผลิตมาจำหน่ายในพื้นที่ของราชการ ซึ่งกลุ่มงานส่งเสริมเกษตรกรรม ประสานสำนักงานเขต และสวนสาธารณะ 12 แห่ง จัดตลาดเกษตรกรให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตร นำพืชผัก ผลไม้ สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าเพื่อสุขภาพมาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ตั้งแต่จัดตลาดเกษตรกร Farmer Market เห็นผลการตอบรับที่ดี ทั้งเกษตรกรและประชาชนมีช่องทางในการซื้อขายในราคาที่เป็นธรรม สนใจร่วมซื้อสินค้าติดตามวันเวลาจัดตลาดได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Bangkok Farmers’ Market .
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 14 มิ.ย. 2567