ฟ้าคำราม

เปิดตัวเป็นแห่งแรกไปเรียบร้อยแล้วที่โรงเรียนวัดธาตุทอง สำหรับโครงการ MUAYTHAI FOR ALL หรือ ต้นกล้ามวยไทย หลังจากคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ด้านกีฬา โดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ และกรุงเทพมหานคร โดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พ่อเมือง ลงนามเอ็มโอยู ร่วมกันไปก่อนหน้านี้ ในการผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่โรงเรียนในสังกัดของกรุงเทพมหานคร

อันเป็นหนึ่งในกระบวนการขับเคลื่อนกีฬา มวยไทย “มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์” ของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬาที่กำลังเดินหน้าเรื่องนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

โดยในส่วนนี้ ผศ.พิมลย้ำว่า เป็นการผลักดันกีฬามวยไทย ขยายฐานในประเทศให้แข็งแกร่ง ด้วยการนำมวยไทยที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์เข้าถึงเยาวชน

ไม่ได้มีเพียงโรงเรียนวัดธาตุทอง แต่ยังมีอีก 22 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ในโครงการ ที่จะนำครูมวยเข้ามาสอน ซึ่งแต่ละโรงเรียนจะมีการสอนมวยไทย สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เทอม

ในการสอนไม่ใช่แค่ช่วยให้ห่างไกลยาเสพติด ออกกำลังกายหรือเป็นศิลปะป้องกันตัว แต่ยังสอนทั้งประวัติศาสตร์ที่มาที่ไป หรือจริยธรรมของการเป็นนักมวย เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

และหลังจบเทอม รวมทั้งหมด 23 โรงเรียนในโครงการนำร่อง คาดว่าจะได้นักเรียนที่เรียนมวยไทยทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน

ขณะที่ชัชชาติระบุว่า การนำมวยไทยเข้าไปสอนในโรงเรียนของกรุงเทพมหานครเป็นการขับเคลื่อนด้านซอฟต์พาวเวอร์ที่รวดเร็ว และเป็นรูปธรรมที่สุด

การจะให้เด็กๆได้รู้จักมวยไทยต้องเริ่มจากโรงเรียนแบบนี้ นอกจากนี้ยังฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ความเข้าใจกัน มีน้ำใจนักกีฬา

ถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเป็นพลเมืองที่ดี

และในอนาคต อยากขยายให้ได้ 200 โรงเรียน จาก 400 โรงเรียน ที่อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร

มองว่านี่จะเป็นตัวกระตุ้นเพื่อนำไปต่อยอดในการผลักดัน เข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอน ในโรงเรียนในอนาคตได้ดีทีเดียว

นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของต้นกล้ามวยไทย ที่ถูกปูทางเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อในวันข้างหน้าต้นไม้มวยไทยกลุ่มนี้จะเติบโตอย่างแข็งแรง และออกดอกออกผลให้เราได้ชื่นชมกันไปนานๆ

มวยไทยจะได้อยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนไปตลอดกาล…

ที่มา:  นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 31 พ.ค. 2567