นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยทีมรองผู้ว่าฯ กทม. แถลงผลดำเนินงานตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ “2 ปี ทำงาน เปลี่ยน ปรับ ยกระดับเมืองน่าอยู่” พร้อมแสดงวิสัยทัศน์การทำงานในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยระบุ เดิม กทม. เป็นเมืองเที่ยวสนุก แต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้คนเหนื่อยกับการใช้ชีวิตและเผชิญกับปัญหาอุปสรรคมากมาย
ดังนั้น สิ่งที่ได้ทำตลอดช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา จึงมีการเปลี่ยนแปลงและปรับในหลายด้าน เพื่อให้การทำงานและการแก้ไขปัญหามีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพมากขึ้น คนเหนื่อยน้อยลง และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งมีทั้งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างพร้อมกับการสร้างประสิทธิภาพให้กับเมือง ผ่านการทำงานในมิติต่าง ๆ ประกอบด้วย
มิติประชาชนเป็นศูนย์กลาง, มิติการกระจายอำนาจสู่ประชาชน, มิติการทำงานอย่างโปร่งใส, มิติการใช้เทคโนโลยีและข้อมูล, มิติเดินหน้าแก้ปัญหาที่ท้าทาย เช่น การปรับโครงสร้างระบบราชการจัดการหนี้รถไฟฟ้าบีทีเอส ยกเลิกหาบเร่แผงลอย เป็นต้น และมิติการสร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชน
“ยอมรับว่า 2 ปี ที่ผ่านมายังมีสิ่งที่เราทำไม่ดี ต้องตั้งหน้าตั้งตาปรับปรุงให้ดีขึ้น เราพยายามทำงานให้เต็มที่ อยากให้พวกเราทุกคนเหนื่อยน้อยลงกับการที่อยู่ในเมืองนี้ อยากเพิ่มประสิทธิภาพเมืองนี้ให้ดีขึ้น ให้ทุกคนมีความสุข และใช้ชีวิตในเมืองนี้ให้ดีทั้งครอบครัว” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
ส่วนอีก 2 ปีข้างหน้า ผู้ว่าฯ กทม. ระบุ จะมุ่งบูรณาการข้ามหน่วยงานสร้างให้เป็นเมืองน่าอยู่แห่งอนาคต โดยพร้อมประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยมีการตั้งเป้าเปลี่ยนรถสันดาปไปสู่รถ EV รวมถึงทำให้กทม.เดินทางได้สะดวกมากขึ้นด้วยบริการป้ายรถเมล์ดิจิทัล 500 ป้าย, การปรับปรุงศาลารอรถโดยสาร 300 หลัง และการติดตั้งจอดิจิทัลในศาลาที่พักผู้โดยสารอีก 200 หลัง เพิ่มตัวเลือกการเดินทาง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อด้วยการเดินทางที่หลากหลาย รวมถึงการขอใบอนุญาตก่อสร้างออนไลน์ที่จะมีความครอบคลุมในอาคารทุกประเภท
ขณะที่ด้านสาธารณสุขเตรียมเปิดโรงพยาบาลใหม่ 4 แห่ง ขยายบริการอีกกว่า 1,000 เตียง ขณะเดียวกันยังพัฒนาศูนย์บริการสาธารณสุขให้เข้าถึงง่ายกระจายทั่วกทม.โดยการก่อสร้างอาคารใหม่ 21 แห่ง และปรับปรุงใหม่อีก 31 แห่ง ย้ำว่าช่วง 2 ปี ต่อจากนี้ พร้อมยกระดับการบัญชาการความปลอดภัยผ่านห้องวอร์รูม.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 พ.ค. 2567 (กรอบบ่าย)