‘บิ๊กเต่า’โร่ขยายผลตัวการใหญ่มีเอี่ยว

‘ชัชชาติ’ สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง-ให้ออกจากราชการไว้ก่อนนายช่างโยธาฯ เรียกรับสินบนสนามกอล์ฟ ปมแก้ไขแบบสร้างถนนเป็นเงิน 9 ล้านบาท ส่วน “บิ๊กเต่า” เร่งสอบขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจ กก.1 บก.ปปป.เข้าจับกุม นายภีมพงษ์ หิรัญพฤกษ์ อายุ 46 ปี นายช่างโยธาชำนาญการ กองจัดกรรมสิทธิ์ สังกัดสำนักโยธา กรุงเทพมหานคร เรียกรับสินบน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้เข้าไปในเขตสนามกอล์ฟบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ว่าทางกรุงเทพมหานคร มีหลักการคือ ไม่ทนต่อการทุจริต และทราบเบาะแสตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 ซึ่งมีการแจ้งเหตุมาว่ามีเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจาก ผู้ประกอบการ โดยรายละเอียดต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ บก.ปปป.และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็น ผู้ดำเนินการสืบสวนต่อไปแล้ว

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอให้ทางตำรวจมีการดำเนินคดีทางอาญา

ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.เปิดเผยว่า ภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ได้อนุญาตให้ 3 ผู้ต้องหา ประกันตัวในชั้นสอบสวน ได้แก่ น.ส.อรนุช อายุ 38 ปี นายปองพล อายุ 52 ปี และ น.ส.ลินดา อายุ 43 ปี สำหรับนายภีมพงษ์ อายุ 46 ปี นายช่างโยธาชำนาญงาน กองจัดกรรมสิทธิ์ สำนักงานโยธา กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาสำคัญเพียงรายเดียว พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยมองว่ามีพฤติกรรมไม่ให้ความร่วมมือในชั้นสอบสวน ซึ่งคาดว่าหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนในชั้นสอบสวนแล้ว จะคุมตัวไปขออำนาจศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฝากขัง โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

รองผบช.ก.เปิดเผยด้วยว่า แม้ในขณะนี้จะจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญอย่างนายภีมพงษ์ กับพวก 4 คน ไว้ได้แล้ว แต่จากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงเท่านี้ โดยน่าจะมีเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งที่สูงกว่านายภีมพงษ์ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หรือมีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพราะลำพังแค่นายภีมพงษ์ คนเดียว คงไม่สามารถดำเนินการได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่พอมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง ผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อน ว่า เจ้าหน้าที่รายนี้ ได้ร่วมกระทำ ความผิด หรือรับผลประโยชน์จากขบวนการทุจริตนี้ด้วยหรือไม่

ที่มา:  นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 23 พ.ค. 2567