นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าฯ กทม. เผยความคืบหน้ามาตรการกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่ กทม.ว่า ล่าสุดมีการ ติดตั้งเครื่องบันทึกน้ำหนักรถโดยใช้ระบบ ออโตเมติกบนสะพาน หรือการชั่งด้วยระบบเครื่องชั่งชนิดติดตั้งใต้พื้นสะพาน BridgeWeigh-In-Motion (B-WIM) พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อให้เมื่อรถวิ่งผ่านจะได้ทราบว่ารถคันดังกล่าวมีน้ำหนักเท่าใด

ทั้งนี้ หลังติดตั้งที่สะพานบางแห่งพบเริ่มมีการแจ้งเตือนว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินมาวิ่งจำนวนกว่า 100 ครั้ง ในจำนวนนี้มีประมาณ 30 คัน โดยเป็นลักษณะวิ่งไป-กลับ ซึ่งกทม.จะดำเนินการจัดส่งข้อมูลที่บันทึกได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป

“การดำเนินการด้วยระบบดังกล่าวเป็นวิธีใหม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมี ตำรวจก็ยังคงต้องทำความเข้าใจและปรับการทำงานในเรื่องข้อมูล แต่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เราได้เริ่มแล้ว”

ผู้ว่าฯ กทม. ฝากย้ำการขับรถที่ใช้ในการขนส่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกิน เพราะการดำเนินคดีมีข้อหาหนักมีโทษสูงถึงจำคุกด้วย หลังจากนี้ กทม. เตรียมกระจายติดตั้งเครื่องชั่ง B-WIM เพิ่มเติมทั่ว กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกินของ กทม. ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การชั่งน้ำหนักรถบรรทุกปกติ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.66-25 มี.ค.67 มีรถที่น้ำหนักบรรทุกเกินกว่ากฎหมายกำหนด 17 คัน ในจำนวนนี้มีทั้งในส่วนที่ลงโทษปรับ และบางส่วนลงโทษจำคุก ไปจนถึงยึดรถ

ส่วนการดำเนินการควบคุมยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่ากฎหมายกำหนดด้วยระบบเครื่องชั่งชนิดติดตั้งใต้ พื้นสะพาน พบมีรถที่น้ำหนักบรรทุกเกินกฎหมาย 118 ครั้ง และพบการกระทำผิดซ้ำถึง 28 ทะเบียน

สำหรับผลกระทบจากรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดมีผลทั้งด้านความปลอดภัย เพราะก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้สัญจรบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังสร้างผล กระทบต่อความคงทนของถนนและสะพานที่เสื่อมการใช้งานเร็วกว่าที่ออกแบบ ทำให้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการซ่อม แซม บำรุงรักษาถนนและสะพาน.

ที่มา:  นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 8 พ.ค. 2567 (กรอบบ่าย)