สืบเนื่องจากกรณีพบกากแคดเมียมในพื้นที่ กทม.และนำไปสู่การขนย้ายกลับต้นทางไปแล้วนั้น น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. ย้ำบทลงโทษผู้ลักลอบเก็บกากแคดเมียมไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตว่า  เนื่องจากกากแคดเมียม จัดเป็นของเสียอันตราย ผู้ดำเนินกิจการเข้าข่ายดำเนินธุรกิจเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ฝ่าฝืนมีความ ผิดมาตรา 19 ประกอบมาตรา 71 โทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ขณะที่การจัดการกากของเสียอันตรายจากการประกอบกิจการโรงงาน ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 กำหนดให้ผู้ก่อกำเนิด ต้องรายงานการจัดการ สิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทั้งภายในและภายนอกโรงงาน โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น

ต้องมีพื้นที่เพียงพอในการจัดเก็บอย่างปลอดภัย มีระบบกักเก็บสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้อยู่ภายในอาคาร หรือภายในบริเวณโรงงาน มีระบบป้องกันการปนเปื้อนและกระจายสู่สิ่งแวดล้อม มิให้หก รั่วไหล ทั้งนี้ยังต้องจัดแผนผัง จัดเก็บที่พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ หากจะนำออกนอกโรงงานต้องแจ้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งยังต้องรายงานการจัดการในส่วนที่ไม่ใช้แล้วในรอบปี ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 200,000 บาท

ทั้งนี้ การลักลอบจัดเก็บซึ่ง มิได้เป็นกิจการที่มีการใช้สารแคดเมียมเป็นวัตถุดิบ ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่โรงงานล้อโลหะไทย เมททอล เขตบางซื่อ ซึ่งเป็นจุดที่เพิ่งขนย้ายกากแคดเมียมออกไปเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ภายหลังมีการเข้าไปตรวจสอบภายในและนอกโรงงาน เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมพร้อมเก็บตัวอย่างดิน น้ำ และไอระเหยสารเคมี ไปวิเคราะห์โดยยังอยู่ระหว่างรอผล.

ที่มา:  นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 พ.ค. 2567 (กรอบบ่าย)