เมื่อเราพูดถึงคำว่า “วัยทอง” คนส่วนใหญ่ย่อมนึกถึง แต่ช่วงชีวิตสูงวัยในบั้นปลาย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว “วัยทอง” สำหรับเราทุกคน อาจหมายถึง วัยเด็กที่เราได้ใช้ชีวิตและมีประสบการณ์ที่มีความสุข สนุกสนาน และกลายเป็นความทรงจำที่มีค่ายิ่ง สำหรับหล่อเลี้ยงจิตใจและพลังชีวิต ในยามที่เราต้องเผชิญกับทุกสิ่งในยามที่เราเติบโต
หนึ่งในนั้นคือ “ซอฟ-โศภิษฐ์สกร โชติธนฤทธิ์” ครีเอเตอร์สาวเจ้าของชาแนล Softpomz หรือ “พี่ซอฟ” ของใครหลายคน
หลายคนอาจไม่ทราบว่า กว่าจะเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังขวัญใจเด็กและวัยรุ่น ที่มีผู้ติดตามถึง 3.4 ล้านนั้น “ต้นทุน” สำคัญของ “พี่ซอฟ” นั้นมาจาก “วัยทอง” ของเธอเอง ที่หล่อหลอมจนทำให้ซอฟผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์น้ำดี ที่มักมีแง่มุมเปี่ยมความหวังและมักมอบพลังบวกให้กับคนอื่น ผ่านคอนเทนต์ที่เธอนำเสนออย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งวัยทองที่ว่านั้น มักเกิดในทุกช่วงเวลา “ปิดเทอม” ของพี่ซอฟ
วัยทองของพี่ซอฟ
ซอฟเผยว่า ความจริงแล้ว เราทุกคนต่างมี “วัยเด็ก” เป็นวัยทองแห่งชีวิต ที่จะกลายเป็น “ทุน” ที่ต่อยอดอนาคตในโลกผู้ใหญ่ได้มากมายอย่างคาดไม่ถึง
พี่ซอฟเล่าว่าวัยทองของเธอเกิดขึ้นทุกช่วงปิดเทอมเสมอ ด้วยความเป็นคนชอบอยากรู้ชอบลอง ทำให้ซอฟมักมีกิจกรรมยให้ทดลองทำหลากหลายสารพัดในช่วงปิดเทอม ซึ่งเธอก็ได้นำประสบการณ์ที่ได้มาใช้กับการสร้างสรรค์งานคอนเทนต์ และสื่อสารไปยังกลุ่มแฟนคลับ
“ตอนเด็กเป็นคนชอบวาดรูป ถึงวาดไม่สวยก็วาด” ซอฟถ่ายทอดประสบการณ์วัยเด็กของเธอส่วนหนึ่งให้ทุกคนฟัง ในวันจัดงาน Kick off ปิดเทอมสร้างสรรค์ ระดมกิจกรรมฉ่ำเว่อ ต้อนรับปิดเทอม 2567 งานที่เกิดจากความร่วมมือของอุทยานการเรียนรู้ (TK Park Park) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ระดมกำลังกันมาเปิดตัว และเตรียมคิกออฟเปิดพื้นที่กว่า 1,000 แห่งทั่วไทย เพื่อให้เด็ก-เยาวชนเข้าถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ยาวตลอดทั้งสามเดือนกันฉ่ำๆ ทีเดียว
“แต่ที่สำคัญพ่อแม่ให้กำลังใจตลอด ดังนั้นในวัยเด็กเราหาตัวเองผ่านกิจกรรมทุกปิดเทอม แต่มันเกิดจากเราคนเดียวไม่ได้ค่ะแต่ยังมีพ่อแม่เราเป็นคนซัพพอร์ท” พี่ซอฟแชร์เรื่องราวของเธอต่อ
จากกิจกรรมในช่วงเวลาปิดเทอม กลายเป็นการสั่งสมความสามารถ ความสนใจและเป้าหมายชีวิตในวันนี้ เธอยอมรับว่ามีหลายสกิลที่ไม่ถูกสอนในโรงเรียน แต่เกิดจากสารพันกิจกรรมที่เธอไม่เคยรั้งรอที่จะทดลองทำกับมัน
“เคยมีนะ กิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกเฟล(fail) เช่นเราอยากลองประกวด แล้วก็เจอสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ แรกๆ เคยคิดว่าแข่งไม่ชนะจะแข่งไปทำไม กว่าจะค้นพบว่าจริงๆ แล้ว แม้ว่าเราจะรู้สึกผิดหวังหรือแย่ในวันนั้น แต่พอโตมาเราจะเริ่มเข้าใจว่า บางอย่างในวันนั้นแหละ เป็นสิ่งที่ส่วนทำให้เราเติบโต”
“สิ่งที่อยากฝาก ให้เราสนุกทุกเรื่องที่เจอ ไม่อยากให้เปรียบเทียบกับเพื่อน ให้คิดหาสิ่งที่เราอยากทำ แต่ถ้านึกไม่ออกก็มองหาสิ่งรอบตัวได้ หรือในอินเทอร์เน็ต อย่างที่เว็บไซต์ ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ก็หาไอเดียได้”
สกิลที่ไม่ถูกสอนในโรงเรียน
เพราะวิชาชีวิตต้องควบคู่ไปกับวิชาการ แล้วที่สำคัญ “ความสุข” เป็นพื้นฐานสำคัญของการมีจิตใจที่เข้มแข็งในวัยเด็กและผู้ใหญ่
ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว (สำนัก 4) สสส. บอกว่า ปิดเทอมที่ยาวนานที่สุดในรอบปีของเด็กนั้น มีโอกาสมากที่เด็กจะสูญเสียการเรียนรู้ช่วงเวลานี้ การสร้างช่วงเวลาที่ดีให้แก่วัยเด็กเป็นวัคซีนใจที่ดี เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีในการที่เขาจะพัฒนาต่อยอดเป็นคนที่มีศักยภาพให้กับสังคมต่อไปในอนาคตได้
“หลังจากทำมาหลายปี ก็เกิดความเชื่อมโยงหลายเครือข่าย เราพยายามผลักดันให้เกิดแหล่งเรียนรู้ หรือพื้นที่สร้างสรรค์ที่อยู่ใกล้บ้านน้องๆ เยาวชนทุกคน”
ซึ่งแม้ขณะนี้ “เครือข่าย ปิดเทอมฯ” มีครบทุกจังหวัดทั่วไทยทั่วประเทศ และยังมีกิจกรรมหลากหลายมากๆ ทั้งเรื่องศิลปะสารพัดแขนง กีฬา สิ่งแวดล้อม อาชีพต่างๆ มีเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น ไปจนถึงเกมสันทนาการอย่างบอร์ดเกม เป็นต้น แต่ สสส. ยังอยากให้กระจายครบทั่วทุกชุมชน และอยากชวนทุกคนมาร่วมกันทำพื้นที่สร้างสรรค์
“ช่วงเวลาปิดเทอมเป็นช่วงเวลาวันว่างที่ยาวนานมีโอกาสสูงมากที่การเรียนรู้จะสะดุดหยุดนิ่ง หรือถดถอย หากผู้ใหญ่อย่างเราไม่ลุกขึ้นมาชวนเด็กทำกิจกรรม ยากนะคะที่จะให้เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วบอกว่าอยากทำนู่นทำนี่หรืออยากเรียนรู้นั่นนี่ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ จึงอยากชวนผู้ใหญ่ทุกคนให้ความสำคัญกับการปิดเทอมของเด็กๆ”
“ปิดเทอมสร้างสรรค์.com” เติมการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม
รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า แต่ละปีเด็กมีวันว่างรวมปิดเทอมกว่า 150 วัน สสส. จึงสานพลังภาคีเครือข่ายทั้ง 4 ภูมิภาค โดยมี 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ อุตรดิตถ์ กรุงเทพฯ นครราชสีมา ยะลา พร้อมหน่วยจัดการ ประสานงานและขับเคลื่อนกิจกรรมในอีก 25 จังหวัด รวมถึงภาคีภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมกว่า 500 องค์กร ที่มีแหล่งเรียนรู้รวมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ
“แพลตฟอร์ม ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ทำหน้าที่เชื่อมองค์กรและเด็กๆ มาเจอกันแล้ว จับคู่กันตามความสนใจ เพื่อให้วันว่างสร้างโอกาสมหาศาลที่เด็กจะได้เรียนรู้อย่างอิสระ สร้างสรรค์ สร้างฝัน สร้างทักษะชีวิต หาอาชีพเสริมสร้างรายได้ ซึ่งสำคัญไม่แพ้การเรียนในระบบการศึกษา” รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
สำหรับปีนี้ทาง สสส. และภาคีเครือข่าย เพิ่มความพิเศษให้กับโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ด้วยการกำหนดแนวคิด “ปิดเทอมสร้างสรรค์ กิจกรรมฉ่ำเว่อ”
แน่นอนว่าเป้าหมายแรก คือการเปิดพื้นที่กิจกรรมในแหล่งเรียนรู้ ในชุมชนให้เด็กๆ เข้าถึงพื้นที่กิจกรรมที่ปลอดภัยได้ภายใน 15 นาที เป็นธงในการดำเนินงานในแบบเชิงรุก
“ด้วยจากการสำรวจในปีที่ผ่านๆ มา พบหนึ่งปัญหาที่สำคัญคือ สถานที่จัดงานไกลบ้าน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายการเดินทาง หรือกรณีเด็กเล็ก ผู้ใหญ่จะต้องพาไป ทำให้เด็กบางกลุ่มเข้าไม่ถึงพื้นที่กิจกรรม การเพิ่มการเข้าถึง ลดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่าย สร้างพื้นที่เรียนรู้ในชุมชนต่างๆ ให้เด็กเข้าถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ได้มากกว่าปีที่แล้ว” ดร.นพ.ไพโรจน์ เอ่ย
พื้นที่สร้างสรรค์สำคัญ แต่นักสร้างสรรค์พื้นที่ก็สำคัญ
ด้าน วัฒชัย วินิจจะกูล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์ความรู้ สถาบันอุทยานการเรียนรู้ ให้ความเห็นเสริมว่า การมีพื้นที่การเรียนรู้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ สำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของประเทศไทยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
“ดีใจ ที่ สสส. จัดงานนี้ต่อเนื่องเพราะเรามองความต่อเนื่องเป็นสำคัญ อย่าง TK Park เองจึงพยายามขยายพื้นที่เครือข่ายมากมายในต่างจังหวัด เพื่อให้เยาวชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึง TK Park ที่มีทั่วประเทศไทย แต่ถามว่าเพียงพอไหม มองว่ายังไม่เพียงพอ แต่ทั้งนี้ต้องเกิดขึ้นจากประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการพื้นที่สร้างสรรค์จริงๆ อีกอย่างคือมีพื้นที่อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกิจกรรมสนุกด้วย แต่ใครล่ะจะคิดกิจกรรม”
ขณะที่ ทักษิณ บำรุงไทย ตัวแทนภาคีเครือข่ายปิดเทอมสร้างสรรค์ ที่เสริมถึงเป้าหมายของเครือข่ายพื้นที่สร้างสรรค์ในโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับการขยายพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายกว่า 25 จังหวัดแล้ว อีกหนึ่งภารกิจที่ต้องเดินหน้าไปพร้อมกันคือการต้องมีนักสร้างสรรค์กิจกรรมและพื้นที่เรียนรู้ ซึ่งเครือข่ายจะดำเนินการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษาในท้องถิ่น เพราะทุกคนอาจไม่ใช่ผู้ใช้งานอย่างเดียว หากแต่สามารถที่จะเป็นนักสร้างสรรค์การเรียนรู้ หรืออาจเป็นผู้สร้างการเรียนรู้ได้ทุกคน
ปิดเทอมใหญ่ของเด็กกรุง
อีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจเข้าใจผิด นั่นคือ ใช่ว่าการเป็นเด็กในเมืองจะทำให้มีโอกาสเข้าถึงพื้นที่สร้างสรรค์ได้ง่ายและมากกว่าเด็กในพื้นที่อื่นๆ
เรื่องนี้ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการสำรวจพบ ปัญหาและความต้องการของเด็กกรุงเทพฯ คือ 1. การเข้าถึงพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์ หรือพื้นที่เรียนรู้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายยังมีจำกัด 2. ความเหลื่อมล้ำ เมื่อพื้นที่เรียนรู้ต้องเสียค่าใช้จ่าย จึงมีบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมา ปัญหาคือคนดูแลกิจกรรมขาดพื้นที่ ส่วนคนมีพื้นที่แต่ขาดคนสร้างกิจกรรม ดังนั้นทำอย่างไรให้พื้นที่กรุงเทพฯ มีกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น
“เราเริ่มนำจุดแข็งของแต่ละพื้นที่มาปรับเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิดการทำเป็นสวนพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ มีดนตรีในสวน ธรรมะในสวน งานหนังสือในสวน นอกจากพื้นที่ที่ กทม. ดูแลก็ยังมีพื้นที่เอกชนที่สนใจ”
ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวทาง กทม.จะขับเคลื่อนต่อไป โดยหลายสำนักของกทม. อาทิ สำนักการศึกษา สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว สำนักพัฒนาสังคม ทำกิจกรรมให้เด็กได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม อาทิ ร่วมกับภาคเอกชนเปิดให้เด็กและเยาวชนฝึกอาชีพ ศึกษาดูงานในบริษัทตามความสนใจ เพิ่มจำนวนห้องสมุดให้เด็กเข้าถึงโอกาสเรียนรู้มากขึ้น เดือน พ.ค. ก่อนเปิดเทอม จัดเทศกาลกีฬาให้เด็กและครอบครัวได้ร่วมออกกำลังกายและใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ กทม. ยังแสวงหาความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายเพิ่มเติม เพื่อให้มีพื้นที่เรียนรู้สำหรับเด็ก กทม. มากขึ้นจากปัจจุบัน 200 พื้นที่ เป็น 1,000 พื้นที่
“กทม. เชื่อว่าหากมีพื้นที่ให้เด็ก เยาวชนได้เข้าร่วม ได้แสดงศักยภาพฟรีมากขึ้น เขาจะไม่เอาเวลาไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด กัญชา บุหรี่ไฟฟ้า หรืออะไรที่ไม่ดี”
ปิดเทอมนี้ ผู้ใหญ่ชวนเด็ก เด็กชวนพ่อแม่ มาร่วมกันเติมทุนทักษะชีวิต ซึ่งเกิดจากการที่ได้เล่นหรือทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ อย่างมีอิสระและสนุก สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตกันดีกว่า
เพราะ “ช่วงเวลาแห่งความสุข” ย่อมเป็นทุนความสุขที่อยู่ภายใน และอยู่ติดตัวกับเราไปจนเติบโต
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 เม.ย. 2567