เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. และโฆษกของ กทม. เปิดเผยว่า กิจกรรม ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ปี 2567 (60+ Earth Hour 2024) เป็นกิจกรรมที่ กทม. ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน รณรงค์และเชิญชวนผู้ประกอบการ ร้านค้า ประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา รวมถึงการถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ในวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 20.30-21.30 น. ซึ่งทุกภาคส่วนได้ให้ความร่วมมือปิดไฟ ในช่วงดังกล่าว
โดยในปีนี้ 5 แลนด์มาร์คหลักของ กทม. ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) ได้ร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ด้วย
ซึ่งจากการคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลาดังกล่าวในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยการไฟฟ้านครหลวง พบว่า กิจกรรม ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ปี 2567 นี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 24.65 เมกะวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มี.ค. 67 ระหว่างเวลา 20.30-21.30 น. ลดความต้องการการใช้ไฟฟ้าลงได้ 24.65 เมกะวัตต์ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 11 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เทียบได้กับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 1,100 ต้น ใน 1 ปี (ต้นไม้ยืนต้น 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 10 กก.ต่อปี) และสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้ 130,182 บาท.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 มี.ค. 2567