วางมาตรการรับมืออากาศร้อนจัด ห่วงกลุ่มเสี่ยงสูงกระทบหนัก กทม.บูรณาการอุตุฯพร้อมดูแล

 กทม.กางมาตรการเข้มรองรับคลื่น ความร้อน บูรณาการทุกภาคส่วนพร้อม ดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยง

วันที่ 7 มี.ค. 2567 นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ด้วยกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 และสิ้นสุดฤดูร้อนช่วงกลางเดือน พฤษภาคม 2567 โดยคาดการณ์ว่าจะมี อุณหภูมิจะสูงสุด 44.5 องศาเซลเซียส ซึ่ง สภาพอากาศที่ร้อนจัดดังกล่าว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากภาวะด้านสุขภาพ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึง กลุ่มเสี่ยงที่ออกกำลังกาย หรือการทำงาน ใช้แรงงานอย่างหนักท่ามกลางอากาศที่ร้อน ส่วนใหญ่พบในคนหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรง เช่น นักกีฬา คนงาน ทหาร เป็นต้น

กรุงเทพมหานคร โดยหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการศึกษา สำนักพัฒนาสังคม สำนักเทศกิจ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักงานเขต 50 เขต สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา บูรณาการจัดทำแผนและ วางมาตรการเพื่อรับมือกับสภาพอากาศ ที่ร้อนจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ดังนี้ 1.มาตรการดำเนินการตลอดทั้งปี จัดทำแผนและแนวทางการดำเนินงานสำหรับ เจ้าหน้าที่และประชาชน รวมทั้งจัดทำ สื่อและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เพื่อเตรียมแจกจ่ายกลุ่มเสี่ยง ชี้แจงการดำเนินงานแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสื่อสารความเข้าใจแก่ประชาชน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์เป็นระยะ ด้านป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน ได้แก่ 1.พัฒนาขีดความสามารถเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ประจำชุมชน เจ้าหน้าที่ประจำสวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์กีฬา เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เด็กเล็ก ครู และเทศกิจ เพื่อสร้างความรู้และทักษะในการป้องกัน ผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนให้แก่ประชาชน 2.เตรียมความพร้อมในการดูแลกลุ่มเสี่ยงสำหรับวางแผนการดำเนินงานการสื่อสารแจ้งเตือน การดูแลและสนับสนุนอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ในการป้องกันสุขภาพ และการติดตามเฝ้าระวังอาการในช่วงวิกฤต 4.เฝ้าระวังสถานการณ์การเจ็บป่วยจากความร้อน และรายงานผู้ป่วยที่มารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกสัปดาห์ 5.เตรียมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center : PHEOC) กรณีความร้อน จัดทำแผนปฏิบัติการฯ และหากค่าอุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43.1 องศาเซลเซียส

ด้านลดอุณหภูมิเมือง ได้แก่ 1.เพิ่มพื้นที่สีเขียว ต้นไม้ล้านต้น สวน 15 นาที 2.สร้างช่องเปิดให้อาคาร การ ออกแบบให้อาคารหรือตึกสูงมีความพรุนเพิ่มขึ้น 3.เติมน้ำ ให้กับพื้นที่เมือง 4.เปลี่ยนวัสดุพื้นผิวให้ระบายความร้อน เพิ่มระบบระบายความร้อนด้วยน้ำให้กับตัวอาคาร

2. มาตรการระยะวิกฤต ดำเนินการเฝ้าระวัง เตือนภัย สถานการณ์ในพื้นที่มีปัญหาความร้อนให้ประชาชนให้รับทราบ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ แบ่งเป็น ระดับ/ดัชนีความร้อน เฝ้าระวัง อุณหภูมิ 27-32 องศาเซลเซียส ระดับเตือนภัย อุณหภูมิ 32-41 องศาเซลเซียส ระดับอันตราย อุณหภูมิ 41-54 องศาเซลเซียส และ ระดับอันตรายมาก อุณหภูมิมากกว่า 54 องศาเซลเซียส มีการติดตามตรวจสอบข้อมูล และแจ้งเตือนสถานการณ์ความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยาให้ประชาชนทราบทุกวัน โดยเพิ่มความถี่ จัดตั้งหน่วยบริการสุขภาพประชาชน และเตรียมความพร้อมของระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน สถานพยาบาลยกเลิกนัดผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นในช่วงที่อากาศร้อนจัด จัดศูนย์คลายร้อน (cool room) ให้พร้อมใช้และให้ประชาชนเข้าพักชั่วคราว และเตรียมความพร้อมของระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน 4.แพทย์และ อสส. ออกเยี่ยมบ้านติดตามอาการของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้และคำแนะนำการดูแลป้องกันตนเองแก่ประชาชน เป็นต้น

 

บรรยายใต้ภาพ

เอกวรัญญู อัมระปาล

 



ที่มา:  นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 8 มี.ค. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200