เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม.มีแผนจะเปิดให้บริการบ้านอิ่มใจ โดยเช่าพื้นที่สำนักการประปาสาขาแม้นศรีเดิม ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย อาคาร 3 ชั้น อาคาร 6 ชั้น และอาคารอนุรักษ์ โดยกำหนดเงื่อนไขระยะเวลาการเช่าไม่เกิน 30 ปี ค่าเช่า 3 ปีแรก 2567-2569 เดือนละ 1,071,050 บาท หรือปีละ 12,852,600 บาท โดยสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. ได้ขอจัดสรรงบกลางไปแล้ว หากได้รับงบประมาณคาดว่าจะทำสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประมาณกลางเดือนเม.ย.นี้ นอกจากนี้ สพส.ร่วมกับฝ่ายโยธา เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ออกแบบการปรับปรุงอาคาร 3 ชั้น คาดว่าการออกแบบจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ จากนั้นจึงจะส่งแบบการปรับปรุงให้สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรมศิลปากร คณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์พิจารณา เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว สพส.ขอจัดสรรงบกลางเป็นค่าปรับปรุงและค่าบริหารจัดการ ก่อนประกาศหาตัวผู้รับจ้างโดยใช้เวลาปรับปรุง 120 วัน เพื่อเปิดให้บริการ ก.ย.นี้ สำหรับสถานการณ์คนไร้บ้าน กรุงเทพมหานคร ปี 2566 อยู่ในเขตพระนคร 585 คน คิดเป็นร้อยละ 46.03 เขตจตุจักร 96 คนคิดเป็นร้อยละ 7.55 เขตยานนาวา 78 คน คิดเป็นร้อยละ 6.14. ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ย.2562 กทม.ได้ยกเลิกสัญญาเช่าสำนักการประปา สาขาแม้นศรีเดิมซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์โดยเช่าพื้นที่ดังกล่าวในอัตราปีละ 28 ล้านบาท แต่คนไร้ที่พึ่งเข้าพักอาศัยอยู่ไม่มาก จึงย้ายศูนย์ไปที่อาคาร 4 ชั้น ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด เขตบางพลัด กทม. ของสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) โดยเช่าพื้นที่วัดบางพลัดเพื่อใช้ประโยชน์เป็นศูนย์พัฒนาธุรกิจในอัตราค่าเช่าปีละ 100,000 บาท และสิ้นสุดสัญญาเช่าไปแล้วเมื่อปี 2565 ทำให้ กทม.ต้องกลับมาเช่าสำนักการประปา สาขาแม้นศรีเดิมอีกครั้ง.

ที่มา:  นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 1 มี.ค. 2567