ยึดเกณฑ์ขึ้นได้ขั้นต่ำ400บ./วัน ของขวัญต้อนรับมหาสงกรานต์
“โกเกี๊ยะ” ยาหอมแรงงาน 27 ก.พ. ประชุมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกรอบ เพื่อเป็นของขวัญรับสงกรานต์ แต่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ใช้เกณฑ์พื้นที่และสาขาอาชีพไหนควรได้ขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ชี้ต้องคำนึงถึงการจ้างงานของเอสเอ็มอี ซึ่งถ้าขึ้นพร้อมกันหมดจะกระทบไม่น้อยกว่า 30% แรงงาน 6 ล้านคนตกงาน ลั่นปี 70 ค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทแน่ นายกฯ เผยเชิญ ผบช.ภ.7 หารือเรื่องซีลชายแดนฝั่ง จ.กาญจนบุรี มีปัญหาทั้งเรื่องจุดความร้อน ของเถื่อน ยาเสพติด ซึ่งการทำงานบูรณาการกันยังไม่ดีพอ ลั่นหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์จะลงพื้นที่เอง กำชับระนองก็ต้องเตรียมตัว ร่วมประชุมเร่งรัดพัฒนา กทม. ชี้ผลงานผู้ว่าฯ หลายเรื่องมีปัญหาสื่อสารด้อยเกินไป เน้นย้ำเรื่องการจัดความสะอาดเมืองในปีมหามงคล แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ชี้ส่วนหนึ่งมาจาก การขนส่งจากคลองเตย เล็งย้ายท่าเรือ เห็นใจแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ บอกถ้ารถติดมิเตอร์ไม่ขึ้นแท็กซี่ก็ไม่ได้เงิน ให้คมนาคมช่วยแก้ปัญหา “ชัชชาติ” เผยต้องคิดรอบคอบเรื่องห้ามรถเก่าวิ่ง เพราะส่งผลกระทบประชาชน ต้องวางแผนร่วมกับกรมขนส่งทางบกเรื่องออกกฎหมาย คุมประพฤติดอดพบ “แม้ว” แจ้งเงื่อนไขข้อกำหนดพักโทษแล้ว จะไปทำงานการเมืองก็ได้แต่ดูว่าคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่
มอบ”เจ๊แจ๋น”ประสานงานกทม.
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เวลา 08.50 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเยือน กทม.เป็นครั้งแรก และได้รับฟังการนำเสนอจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. จากการที่ตนได้มอบนโยบาย “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” 8 ข้อ และเกือบทุกข้อเกี่ยวข้องหมดกับทาง กทม. สิ่งที่ผู้ว่าฯทำอยู่ในหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ต้องยอมรับว่าขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ๆ หรือถึงแม้จะมีก็ไม่รวดเร็วทันใจ อยากจะขอว่า หลังจากนี้การประสานงานของแต่ละฝ่ายกับทาง กทม. จะให้ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสาน อะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอยากให้ช่วยผลักดันให้เร็วขึ้น
ประสาน”บิ๊กต่าย”ดูเรื่องจราจร
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ผู้ว่าฯพูดเกี่ยวกับการลอกท่อ ลอกคลอง ตอนนี้เป็นหน้าร้อนคงมีเวลา 2-3 เดือนก่อนที่ฝนจะตก ทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และกองทัพ ให้ความมั่นใจจะช่วยอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาน้ำท่วมและอีกหลาย ๆอย่าง ตรงนี้ถ้าให้ทางกรมราชทัณฑ์หรือฝ่ายความมั่นคงมาช่วยเหลือ ส่วนเรื่องการจราจร ต้องมีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตรงนี้ ตนไม่แน่ใจว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. จะรับผิดชอบเองหรือจะใช้คนอื่นมา การจราจรเป็นเรื่องที่เราประสบปัญหากันมานาน แต่เชื่อว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้ทำนโยบายมาคิดว่าดีขึ้น เพียงแต่การสื่อสารของเราอาจจะยังด้อยไป ก็อยากให้มีการสื่อสาร และคิดว่านางพวงเพ็ชรช่วยได้ โดยผ่านหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะส่งผลกับเรื่องการท่องเที่ยวด้วย
เห็นใจแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับปัญหา แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ ก็ต้องเห็นใจเขาเหมือนกัน หากกดมิเตอร์ไปแล้วในช่วงที่รถติดจริง ๆ มิเตอร์ไม่ขึ้น เขาก็ไม่ได้เงิน เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมที่จะต้องไปแก้ไขตรงนี้ จึงฝากไว้ด้วย เพราะตรงนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะผลักดัน และในเรื่องของความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา เราอยากทำให้เมืองสะอาดขึ้น นโยบายของผู้ว่าฯตอนที่มาใหม่ ๆ ก็ดีในเรื่องของการทำให้สายไฟลดน้อยลง ฉะนั้นต้องช่วยกันทำให้ดีขึ้น
“เรื่องแท็กซี่ ไกด์ผีต่าง ๆ เป็นมะเร็งที่กัดกร่อนวงการท่องเที่ยวของประเทศไทย ตรงนี้ต้องฝาก ผบ.ตร.ดูแลตรงนี้ดี ๆ การที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอยากให้ก้าวแรกจนก้าวสุดท้ายเกิดความสะดวกสบายและมีความประทับใจ ไม่ว่าจะขั้นตอนต่าง ๆ ในสนามบิน หากหลุดมาแล้วเจอไกด์ผี ก็เป็นเรื่องที่ ไม่เหมาะสม จึงอยากจะฝากตรงนี้ไว้” นายกฯ กล่าว
กทม.ทำงานแต่สื่อสารน้อยไป
จากนั้นนายกฯ ตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมกล่าวมอบนโยบายว่า กรุงเทพฯ มีความหลากหลายของวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ มีความโดดเด่นสวยงามมากมาย เช่นถนนข้าวสาร เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวค้นหามากที่สุด วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มาพบพวกท่าน เห็นถึงความตั้งใจผ่านแววตาของทุกคน ทราบว่าทุกคนปฏิบัติหน้าที่ได้ดีแค่ไหน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในยามที่กรุงเทพฯต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ โควิด-19 ระบาด ฝุ่นพิษปกคลุมท้องฟ้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ได้ทราบวิสัยทัศน์และแผน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวพัฒนากรุงเทพ ซึ่งนโยบายหลาย ๆ อันก็ล้อไปกับวิชันไทยแลนด์และนโยบายรัฐบาล ประเด็นที่ตนฝากกับผู้ว่าฯ กทม. คือได้ทำอะไรที่ดี ๆ เยอะ แต่ก็อาจจะมีการพูดน้อยไปนิดก็อยากให้มีการสื่อสาร ก็ขอฝากสื่อมวลชนด้วย วันนี้รัฐบาลกับ กทม.ทำงานใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารดีขึ้น เช่น เรื่องฝุ่น PM 2.5 อย่างที่ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศมาตรการเวิร์กฟรอมโฮม ก็ทำให้รถยนต์น้อยลงไป 9% ถ้าเกิดการประสานที่ดี รัฐบาลก็จะประกาศพร้อมกัน อาจจะเป็นการให้หน่วยงานราชการเวิร์กฟรอมโฮม ส่วนปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะพบถึงขั้นทำบุหรี่ไฟฟ้าเป็นรูปกล่องนม ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน เป็นเรื่องที่ไม่ควร ทั้งเรื่องการนำเข้า การเข้มงวดศุลกากรก็ต้องตรวจค้นมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
ย้ายท่าเรือคลองเตยเพื่อลดฝุ่น
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า หัวใจการแก้ปัญหารถติดไม่ใช่การทำถนนเพิ่ม แต่เป็นการทำขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลหลาย ๆรัฐบาลก็ได้ทำเส้นเลือดใหญ่จำนวนมากแล้ว อย่างรถไฟฟ้า สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีม่วง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเดินออกจากบ้านแล้วไปถึงรถไฟฟ้าได้ ก็เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ รวมทั้งระเบียบวินัยการจราจรต่าง ๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เรื่องสัญญาณไฟจราจร เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามถึงเรื่องฝุ่น ที่ใน กทม.มีปัญหาจากเขตก่อสร้างและการจราจร นายเศรษฐากล่าวว่าต้องให้ความยุติธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ กทม. ทุกท่านด้วย ปัญหาฝุ่นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้พิสูจน์ทราบได้ว่าปริมาณลดลงชัดเจน นายชัชชาติเข้ามาเกือบ 2 ปีแล้ว ได้ทำอะไรดี ๆ หลายอย่าง ผู้ว่าฯกทม. และคณะกรรมการของกทม. ไม่ได้ละเลย ดูรายละเอียดทุกรายละเอียด แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีมานานแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขนส่งจากท่าเรือคลองเตย ผู้ว่าฯกทม. เสนอเรื่องนี้ ทางรัฐบาลก็พูดคุยกันว่า ท่าเรือคลองเตยควรจะมีการย้ายออกไปหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีการย้าย ก็จะยังมีการใช้รถบรรทุกขนของต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในเขต กทม.ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5 ทางรัฐบาลและ กทม.ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่จะให้ทั้งหมดกลายเป็นศูนย์เลย ในระยะเวลานี้ มันก็คงไม่เป็นธรรมกับผู้ว่าฯ กทม.เท่าไร
ศึกษากรณีห้ามวิ่งรถยนต์เก่า
นายชัชชาติ กล่าวเสริมว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ จะต้องวิเคราะห์ให้ได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะแก้ผิดจุด ที่ผ่านมาเราดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น อย่างเรื่องพื้นที่งานก่อสร้างก็มีการตรวจอย่างเข้มข้น ส่วนเรื่องรถยนต์เก่า ต้องคิดให้รอบคอบเรื่องการห้ามวิ่งเพราะจะกระทบกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเราได้มีการหารือกรมการขนส่งทางบก เรื่องการวางแผนระยะยาวในการลดจำนวนรถเก่าลง ซึ่งคงจะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะค่อย ๆ พัฒนาให้รอบคอบต่อไป ส่วน เรื่องท่าเรือคลองเตยอยู่ในแผนวาระฝุ่นแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2562 อาจจะต้องมีการทบทวนว่าย้ายดีหรือไม่ จะเห็นตัวอย่างจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่าเรือที่อยู่ในเมืองเขาย้ายออกข้างนอก เรามีปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูง เพราะหากมีเรือใหญ่เข้ามา แล้วน้ำทะเลหนุน เราจะควบคุมอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัย ซึ่งคิดว่า นายกฯ จะให้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง
สั่งภาค7เข้มซีลพื้นที่กาญจนบุรี
เมื่อถามอีกว่า ในวาระ 4 ปี นายกฯอยากเห็นอะไรจาก กทม. ในเรื่องการพัฒนามากที่สุด นายกฯ กล่าวว่า มีหลายมิติ นายชัชชาติเองก็พูดไปแล้วทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การจราจร เรื่อง PM 2.5 และเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของรถแท็กซี่ คนหาบเร่แผงลอย ต่าง ๆ เหล่านี้ต้องได้รับความเป็นธรรม และทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเชิญ พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ. 7) เข้าพบเมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งระบุว่า ภาคเหนือมีการบริหารจัดการปัญหาโดยรวมทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเถื่อน ยาเสพติด การเผาที่ส่งผลกระทบให้เกิด PM 2.5 เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้พื้นที่ภาคเหนือทำได้ดีมาก เพราะมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กรมศุลกากร เมื่อเราทำได้ดีในภาคเหนือ ผู้กระทำผิดกฎหมายก็ลอบเข้ามาทาง จ.กาญจนบุรีแทน และมีปัญหาหลายเรื่องทั้งจุดความร้อน ของเถื่อน ยาเสพติด ก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมาว่า ยังทำงานไม่ดีพอ ทั้งนี้ ตนได้มีการพูดคุยกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ. ได้ลงไปในพื้นที่เข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ และรอง ผบ.ตร.จะลงไปบริหารจัดการปัญหาเอง ทั้งนี้ หาก 1-2 สัปดาห์ ไม่ดีขึ้น ตนจะลงไปเอง เพราะถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเลยก็ว่าได้ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ก็ได้ไปที่สภา พบกับ สส. ก็ได้บอกให้ สส.ต้องเข้มงวดขึ้น ลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อถามไถ่ทุกข์สุขของประชาชน ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นธรรม กับหน่วยงานรัฐเพื่อเข้าไปบริหารจัดการปัญหาได้ดี
“เรื่องนี้ต้องทำงานเชิงรุก ก็ต้องทำงานเชิงรุก ผมก็ได้สั่งการทางจังหวัดไปแล้ว อย่าง จ.ระนอง ก็ต้องช่วยกันทำงานด้วย เพราะหากปิดที่ จ.กาญจนบุรี ได้อาจจะไปโผล่ที่ จ.ระนองอีก” นายกฯ กล่าว
แนะใช้คนละครึ่งกับเงินท้องถิ่น
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีการอภิปรายรัฐบาลว่า ทีมที่ทำเรื่องนี้คงกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ เพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือการอภิปรายทั่วไปกันแน่ ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือนตกผลึกว่าจะไปทางไหน ข้อมูลด้านเศรษฐกิจก็เก็บไปค่อนข้างมาก ขณะที่งบประมาณยังไม่ออก ก็ยังมีหลายเรื่องที่รัฐบาลสามารถใช้มาตรการทางการคลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจตอนนี้ได้ เช่น เงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่ามีการปลดล็อกให้สามารถนำมาใช้ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่ผ่านการอนุมัติของสภา ท้องถิ่น รัฐส่วนกลางสามารถให้เขานำเงินออกมาใช้เพื่อทำให้เศรษฐกิจแต่ละท้องถิ่นดำเนินต่อไปได้ระหว่างงบประมาณยังไม่ออก เราเสนอว่ารัฐบาลควรจะมีมาตรการที่คล้ายกับโครงการคนละครึ่ง แต่เป็นคนละครึ่งสำหรับท้องถิ่น หากท้องถิ่นจะนำเงินสะสมออกมาใช้ครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะสมทบอีกครึ่ง เพื่อให้เงินจำนวน 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 3.6 แสนล้านบาท โดยใช้งบกลางที่ขณะนี้มีการอนุมัติงบไปพลางก่อน 2 ใน 3 ของปี 2566 ซึ่งน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นกว่าล้านบาท นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้เลย ให้เศรษฐกิจมีชีวิตชีวามากขึ้น
ส.ป.ก.ต้องแก้โดยการมีวันแม็ป
เมื่อถามว่า นอกจากประเด็นทางเศรษฐกิจเรื่องการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าไปอยู่ในประเด็นที่จะอภิปรายด้วยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่เราพิจารณาจะอภิปรายหรือไม่ รวมถึงยังมีนโยบายอื่นที่เราคิดว่าน่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับการจัดการที่ดินส.ป.ก. การทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น แม้จะยังไม่ถึงตัวรัฐมนตรีแต่อาจจะเป็นข้าราชการระดับสูง แต่เราคงจะมีการหยิบยกขึ้นมาถกเถียงและอภิปราย เพื่อแจ้งให้ทางฝ่ายบริหารให้รับทราบและนำไปสู่การแก้ไขในอนาคต เรื่อง ส.ป.ก. นายกฯ ควรเป็นตัวกลางแก้ไข ปัญหาที่เรื้อรังมาจากหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน และปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วย โดยเฉพาะวันแม็ป ที่เรารอคอยมากว่า 10 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้วิธีการพูดคุยเพื่อจบปัญหาไปทีละเรื่อง ไปทีละแปลง แต่หากเรามีวันแม็ปที่จะเป็นแผนที่เดียวทั้งประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐ และระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันก็จะจบ และไม่มีปัญหาต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้
คุมประพฤติเข้าพบ”แม้ว”แล้ว
จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษและกรมคุมประพฤติต้องเข้าพบเพื่อแจ้งแผนคุมประพฤติ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางผู้บริหาร ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 1 ซึ่งเป็นสำนักงานที่เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่เขตดังกล่าว ได้เดินทางเข้าพบนายทักษิณและผู้อุปการะ พร้อมกับแจ้งเงื่อนไข ข้อกำหนดการพักโทษและนัดหมายรายงานตัวในครั้งถัดไป และสำหรับการนัดหมายรายงานตัวในเดือน มี.ค. หากนายทักษิณยังคงอยู่ระหว่างการพักฟื้นรักษาตัว หรือการตรวจรักษากับแพทย์ ทางเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะต้องประสานติดต่อกับผู้อุปการะว่าสะดวกให้เข้าพบยังบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันเวลาใด หรือถ้ายังไม่สะดวกในเดือนนั้น ๆ ก็สามารถแจ้งเลื่อนได้ แต่ถ้าอดีตนายกรัฐมนตรี มีอาการดีขึ้น สะดวกในการเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่คุมประพฤติด้วยตัวเอง ก็สามารถเดินทาง ไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 1 ถนนพรานนก แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ หลักการโดยรวมของการรายงานตัวของผู้ถูกคุมความประพฤติ คือ ต้องรายงานตัวทุกเดือน โดยในแต่ละเดือนสามารถขยับวันเวลาบวกลบได้ ถ้ารายงานตัวครบ 4 เดือน ครั้งถัดไปก็สามารถลดหย่อนได้ เป็น 2 เดือนค่อยรายงานตัว
เป็นกก.ได้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ
เมื่อถามว่าการไปดำรงตำแหน่งนั่งบอร์ดกรรมการหรือไปเป็นที่ปรึกษาในทางการเมืองสามารถทำได้ในระหว่างการพักโทษหรือไม่ พ.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า ตนมองว่าในฐานะผู้ได้รับการพักโทษที่เตรียมจะกลับเข้าสู่สังคม เมื่อได้รับการพ้นโทษนั้น ระหว่างนี้ก็สามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องไปดูว่าบอร์ดกรรมการนั้น ๆ หรือตำแหน่งที่ปรึกษาในทางการเมืองนั้น ๆ มีการกำหนดคุณสมบัติของ ผู้ที่จะไปดำรงตำแหน่งอย่างไร มีข้อห้ามไม่ให้ผู้ที่เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดมาดำรงตำแหน่งหรือไม่ เป็นต้น คล้ายลักษณะของกรณีที่บุคคลใดจะไปสมัครรับเลือกตั้ง สส. ก็จะมีข้อห้ามกำหนดไว้ว่าต้องไม่เป็นผู้ที่ต้องคำพิพากษาของศาลมาก่อน ในระหว่างการพักโทษจึงยังไม่มีการห้ามในเรื่องของงานทางการเมือง
สำหรับบรรยากาศที่บริเวณบ้านจันทร์ส่องหล้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นพักของนายทักษิณ ชินวัตร ตลอดทั้งวัน ยังคงปิดบ้านเงียบตามปกติ มีแต่รถของคนในครอบครัวเข้า-ออก เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา และไม่มีรายงานข่าวว่า จะมีบุคคลสำคัญเดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณแต่อย่างใด มีเพียงบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวชินวัตรเดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเป็นเพื่อนนายทักษิณเท่านั้น โดยมีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์ทำข่าวบริเวณหน้าบ้าน ในวันนี้ นายทักษิณได้เหมารถขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงประจำซอยเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่สื่อมวลชนทุกสำนักที่เฝ้าทำข่าวอยู่หน้าบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูแลความเรียบร้อย และเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีพักโทษนายทักษิณนั้น เราทำตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยชื่อแพทย์ที่รักษาอาการป่วยนายทักษิณได้ อธิบายไปแล้วว่าขัดต่อกฎหมายการดูแลผู้ป่วย ส่วนกรณีเรื่องการใช้งบประมาณของราชทัณฑ์ในการรักษานายทักษิณนั้น สามารถตรวจสอบได้ เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบภาพลักษณ์รัฐบาล แต่ยอมรับว่าอาจกระทบต่อกระทรวงยุติธรรมมากกว่า เพราะเราตัดสินใจภายใต้กระทรวงยุติธรรม
ยันปรับค่าแรงเป็นของขวัญแน่
ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ รอบ 2 ว่า ขอยืนยันว่าจะมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำรอบที่ 2 เป็นของขวัญสงกรานต์ให้กับผู้ใช้แรงงานแน่นอน โดยในวันที่ 27 ก.พ. ช่วงเช้า จะมีการประชุม อนุกรรมการในคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อพิจารณาเรื่องค่าจ้างที่จะมีการปรับเพิ่ม จากนั้นจะเสนอคณะกรรมการค่าจ้างชุดใหญ่ บ่ายวันที่ 27 ก.พ. เพื่อพิจารณาสูตรการพิจารณาเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำที่จะนำมาใช้ แล้วจากนั้นจะส่งให้อนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด นำไปพิจารณาว่า พื้นที่ไหน สาขาอาชีพอะไรที่ควรได้ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทบ้าง ส่วนจังหวัดที่เหลือก็ให้ใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศไปรอบแรกเมื่อปี 2566
หวั่นขึ้นเยอะกระทบเอสเอ็มอี
“สำหรับคนที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้นั้น ก็ขออย่าเพิ่งปรามาส เราจะทำสุดความสามารถ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มบางสาขาอาชีพ บางพื้นที่ 400 บาท ไม่ได้ทำทั้งหมด เนื่องจากเรามีการคำนึงถึงเอสเอ็มอีที่มีการจ้างงานอยู่ประมาณ 80% หากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท นั้นจะทำให้เอสเอ็มอีล้มหายตายจากกี่เปอร์ เซ็นต์ ย้ายถิ่นไปประเทศอื่น ๆ กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการหารือกรรมการชุดเอสเอ็มอี ระบุว่า จะมีผลกระทบไม่น้อยกว่า 30% หรือแรงงานประมาณ 6 ล้านคน ที่จะตกงาน ซึ่งบอกได้เลยว่า กระทรวงแรงงานไม่มีความสามารถรับผิดชอบ หรือหางานให้คนทำได้เยอะขนาดนี้ ในขณะที่บริษัท หรือผู้ประกอบการปิดตัวลง นั่นก็คงเป็นภาระของรัฐบาลต่อ ดังนั้นจึง ค่อย ๆ ประกาศ แต่ยึดถือนโยบายของรัฐบาล คือในปีนี้จะมีการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ เป็น 400 บาท ในบางพื้นที่ และบางสาขาอาชีพ และปี 2570 จะเห็นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท แน่นอน แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกสายอาชีพ แต่ได้เฉพาะบางอาชีพ บางพื้นที่สามารถทำได้เท่านั้น จังหวัดไหน ที่สามารถทำได้ เชื่อว่ากรรมการไม่หน่วงเหนี่ยวค่าจ้างไว้แน่นอน” นายพิพัฒน์ กล่าว
ยันไม่ยกเลิกเลือกบอร์ดปกส.
นายพิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีรายงานข่าวว่า กระทรวงแรงงานชงแก้ พ.ร.บ.ประกันกันสังคม (ฉบับที่…) พ.ศ…โดยตัดที่มาของคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด ปกส.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รมว.แรงงานจะเสนอ พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยแก้มาตรา 8 วรรคสาม ตัดสิทธิกรรมการประกันสังคม ที่มาจากการเลือกตั้งออก รวมถึงกรณีที่เพิ่งมีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2566 ด้วย ซึ่งตนขอยืนยันว่า เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว จะย้อนกลับไปสู่การแต่งตั้งเพื่ออะไร แต่ในส่วนของกฎหมายที่จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เป็นเรื่องของเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว เป็นกฎหมายที่เสนอต่อเนื่องมา จากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งมีการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น เราจึงคิดว่า หากมีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถเลือกตั้งได้ ก็ให้ รมว.แรงงาน เป็นผู้แต่งตั้ง แต่ขออย่ากังวล เนื่องจากมาตรา 9 กำหนดให้บอร์ดประกันสังคมพิจารณาว่าจะเห็นด้วยกับที่ รมว.แรงงานเสนอหรือไม่ ยอมรับว่า ถ้อยคำในกฎหมายออกมาคลุมเครือไม่ชัดเจน ในส่วนนี้จะมีการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งก่อนเสนอเข้า ครม.
“ยืนยันว่าเรายังมีการเลือกตั้งแน่นอน ไม่มีใครสามารถไปลบล้างได้ โดยวาระละ 2 ปี แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัย เกิดภัยพิบัติ โรคระบาดเหมือนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ให้รมว.แรงงานแต่งตั้งมา เราไม่สามารถให้มีการเว้นวรรคได้ เพราะสิทธิประโยชน์มีมากมาย ต้องมีกรรมการทำงานต่อเนื่อง ส่วนหากไม่มีเหตุสุดวิสัย เราก็จะมีการเลือกตั้งไปตามกฎหมาย” นายพิพัฒน์ กล่าว และว่า ตนหรือนักการเมือง ไม่มีสิทธิไปวุ่นวายในบอร์ด สปส.แต่อย่างใด.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ก.พ. 2567 (กรอบบ่าย)