ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 19 ก.พ. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกทม. นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสพส. ผู้อำนวยการเขต 50 เขต ร่วมประชุม ผ่านระบบออนไลน์

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินแบ่งออกได้เป็น 4 เรื่อง 1.หนี้ กยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) ซึ่งข้าราชการและลูกจ้างของกทม. อาจจะต้องผ่อนหนี้ กยศ.อยู่ บางรายที่ผ่อนถูกต้องขอให้ผ่อนต่อไปจนครบ ส่วนบางรายที่ผ่อนไม่ครบหรือหยุดผ่อน ขณะนี้มีกฎหมายใหม่เกิดขึ้นแล้ว ขอให้รีบดำเนินการติดต่อไปยัง กยศ.โดยเร็ว 2.เรื่องเงินกู้ของข้าราชการและลูกจ้าง ที่มีการกู้จากสวัสดิการ สหกรณ์ หรือธนาคาร โดยการยืดงวดหนี้ มีการใช้ทุนเรือนหุ้นมาลดฐานเงินกู้ลง จะทำให้ข้าราชการและลูกจ้างมีเงินเหลือเพิ่มมากขึ้น ส่วนธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับข้าราชการและลูกจ้าง จะมีการเจรจาให้ปรับลดดอกเบี้ยลงมาขณะนี้กำลังเจราจากันอยู่

3.เรื่องหนี้สินนอกระบบ ซึ่งครม.ได้กำหนดไว้ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ครม.กำหนด คือไม่เกินร้อยละ 15 ของผู้ให้กู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งเจ้าหนี้ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนลูกหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยจนท่วมต้นไปหมดแล้ว ความจริงถือว่าได้จ่ายหนี้จนครบหมดแล้ว การที่จะเข้มแข็งยืนยันเป็นสิทธิของลูกหนี้ต้องช่วยกัน ถ้าลูกหนี้ไม่กล้าก็คงไม่มีใครช่วยได้ และ 4.เรื่องหนี้ในระบบทั้งหลายที่เป็นอยู่ หนี้ในครัวเรือน 16.5 ล้านล้านบาท บริษัทข้อมูลสินเชื่อ 13.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่น่าเป็นห่วง ยอดหนี้เสียที่ขยับขึ้นเรื่อยๆ ต้องช่วยกันแก้ไข ใช้สิทธิตามกฎหมาย เรื่องบัตรเครดิต การใช้สิทธิปรับโครงสร้างหนี้สิน อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมทำงานร่วมกันกับผู้ว่าฯกทม.และทีมผู้บริหารกทม.ต่อไป

ด้านนายศานนท์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า สำหรับการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบของกทม. ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566 ถึงวันที่ 19 ก.พ.2567 เป็นผู้ที่วอล์กอินเข้ามา 1,345 ราย เป็นลูกหนี้ 9,366 ราย เป็นเจ้าหนี้ 8,288 ราย รวมยอดหนี้ทั้งหมด 918,241,360.12 บาท ขอรับช่วยเหลือ การเจรจา 2,273 ราย เงินกู้ 9,966 ราย อาชีพ 237 ราย สาเหตุการเป็นหนี้นอกระบบ อุปโภค 9,879 ราย ลงทุน 6,778 ราย ค่าเทอม 3,912 ราย และต่อเติม 1,264 ราย

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 20 ก.พ. 2567