กทม.สั่งเวิร์กฟรอมโฮม2วัน แจ้ง11ข้อรับมือ’ฝุ่นพิษ’พุ่ง

‘ชัชชาติ’สั่งหน่วยงาน กทม.เวิร์กฟรอมโฮม 2 วัน หนีฝุ่นพิษเต็มพื้นที่ วัดค่าคุณภาพ อากาศเข้าเกณฑ์สีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ รวม 20 เขต

กทม.ให้จนท.ทำงานที่บ้าน2วัน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศให้หน่วยงาน กทม.และขอความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน จำนวน 151 แห่ง (60,279 คน) ทำงานอยู่บ้านหรือเวิร์กฟรอมโฮม ในวันที่ 15-16 ก.พ. สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม. ยังคงเปิดตามปกติ เนื่องจากโรงเรียนเป็นพื้นที่เซฟโซนที่มีการทำห้องเรียนปลอดฝุ่น สำหรับป้องกันฝุ่นให้แก่เด็กนักเรียน มีการแจกหน้ากากอนามัย และได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ เช่น งดกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารในพื้นที่

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม. รายงานค่า PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันที่ 14 ก.พ.67 ณ เวลา 11.00 น. มีค่ามากกว่า 75 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ขึ้นไป อยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 20 เขต คือ คลองสามวา ทวีวัฒนา ธนบุรี บางกอกน้อย บางเขน บางบอน บางพลัด บึงกุ่ม ประเวศ ลาดกระบัง หนองแขม หนองจอก คันนายาว ตลิ่งชัน บางนา ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย มีนบุรี ยานนาวา หลักสี่ และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พร้อมมีการ แจ้งเตือนใน LINE ALERT

ค่าฝุ่นพิษยังหนักต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษได้คาดการณ์สถานการณ์ค่า PM2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นระหว่าง วันที่ 14-17 ก.พ. ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์แนวโน้มการระบายอากาศบริเวณ กทม.และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 14-15 ก.พ. ว่ามีการระบายอากาศอ่อน ประกอบกับอากาศใกล้พื้นผิวมีลักษณะปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยทิศทางลมระหว่างวันที่ 14-15 ก.พ. เป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมตะวันออก ซึ่งพื้นที่ กทม.เป็นพื้นที่ท้ายลม อีกทั้งระหว่างวันที่ 10-13 ก.พ. มีจุดเผาจำนวนมากในประเทศไทยทั้งบริเวณภาคกลางและอีสาน (3,241 จุด) และกัมพูชา (14,939 จุด)

ปลัดกทม.แจ้งมาตรการเข้ม

พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ออกหนังสือสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวด และดำเนินมาตรการ ตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2567 ดังนี้ 1.เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำ ทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.ประสานสถานีตำรวจท้องที่อำนวยการจราจรและกวดขันห้ามจอดรถในถนนสายหลัก สายรองตลอดเวลา 3.ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) ใช้รถเท่าที่จำเป็น ไม่ขับ 4.ประชาสัมพันธ์ประชาชนให้บำรุงรักษาเครื่องยนต์และลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว 5.ควบคุมสถานประกอบกิจการในพื้นที่ไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 6.ขอความ ร่วมมือผู้ประกอบการ ทำ Big Cleaning สถานที่ก่อสร้างและแพลนต์ปูน งดกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทุกประเภท

7.เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการ เผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท 8.เพิ่มความถี่ในการล้างและดูดฝุ่นถนน ทำความสะอาดป้ายรถเมล์ 9.ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้พร้อมแนะนำวิธีป้องกันสุขภาพอนามัยจากฝุ่นละออง PM2.5 10.ออกหน่วยบริการสาธารณสุขและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 11.ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่นละออง PM2.5 ในโรงเรียนอย่างเคร่งครัด และลดผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียนในโรงเรียน

39จว.พบค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอพพลิเคชั่น เช็คฝุ่น เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 พบ 39 จังหวัดของประเทศไทยมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง มีผล กระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ โดย 5 อันดับแรก คือ จ.สมุทรสาคร 162.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) กรุงเทพฯ 146.3 มคก./ลบ.ม. จ.สมุทรปราการ 140.5 มคก./ลบ.ม. จ.นนทบุรี 136.8 มคก./ลบ.ม. และ จ.นครปฐม 136.2 มคก./ลบ.ม. สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ พบค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินกว่า 100 มคก./ลบ.ม. ทั่วทุกเขตของพื้นที่ โดย 5 อันดับแรก คือ พระโขนง 181.6 มคก./ลบ.ม. คลองเตย 175.5 มคก./ลบ.ม. วังทองหลาง 175.1 มคก./ลบ.ม. บางนา 172.8 มคก./ลบ.ม. และวัฒนา 172.8 มคก./ลบ.ม.

วันเดียวกัน GISTDA รายงาน ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจากดาวเทียมอีกหลายดวง เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2567 ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 1,097 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 294 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 277 จุด พื้นที่เกษตร 223 จุด พื้นที่เขต สปก. 151 จุด แหล่งชุมชนและอื่นๆ 135 จุด และพื้นที่ ริมทางหลวง 17 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 234 จุด ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุด อยู่ที่กัมพูชา 3,223 จุด ตามด้วย เมียนมา 1,447 จุด ลาว 1,051 จุด และเวียดนาม 174 จุด

เชียงใหม่ล้างรอบคูเมืองชั้นนอก

ที่บริเวณลานประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายพิศุทธ์ พิศุทธกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ ลดฝุ่นเพื่อคนที่คุณรัก โดยมีส่วนราชการและเจ้าหน้าที่สังกัดเทศบาล นครเชียงใหม่เข้าร่วมกิจกรรม มีการปล่อยขบวนรถน้ำเคลื่อนออกจากลานประตูท่าแพ เพื่อไปล้างถนนและรดน้ำต้นไม้ในพื้นที่ถนนรอบคูเมืองด้านนอก เริ่มตั้งแต่ประตูสวนดอกจนถึงแจ่งหัวริน แจ่งหัวรินถึงประตูท่าแพ ประตูท่าแพถึงแจ่งกระต้ำ และแจ่งกระต้ำจนถึงแจ่งกู่เฮือง เป็นการลดปริมาณฝุ่นและสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ เทศบาลนครเชียงใหม่ยังจัดกิจกรรมใบไม้แลกปุ๋ยหมัก โดยประชาชนนำใบไม้ 1 ถุง มาแลกเป็นปุ๋ยหมักได้ 1 กระสอบ ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2567 เพื่อลดการเผาในเขตเมือง

นายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา (ผอ.สคพ.11 นม.) เปิดเผยว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 นครราชสีมา ว่าวัดได้ 53.6 มคก./ลบ.ม. สาเหตุหลักมาจาก เผาในที่โล่ง ข้อมูล (GISDA) พบค่าจุดความร้อนของนครราชสีมา จำนวน 38 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เกษตรกรรมและลักลอบเผาหญ้าวัชพืชริมถนนหลวง นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา สั่งการให้นายอำเภอ 32 อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการควบคุมกวดขันและจับกุมผู้กระทำผิดทุกราย โดยฝ่ายปกครอง อ.สีคิ้ว จับกุมผู้ลักลอบเผาแปลงเกษตร จำนวน 5 จุด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีคิ้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 



ที่มา:  นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 15 ก.พ. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200