ฝุ่นพิษถล่มกทม. 5 เขตแดงโร่- 8 เขตสีส้ม แนวโน้มวิกฤตต่อเนื่องถึง 17 กุมภาพันธ์ ผู้ว่าฯกทม.ขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน 15-16 ก.พ. กำชับใช้ 11 มาตรการเข้ม
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น”ว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครพบค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ 42 เขต โดย 5 อันดับแรกคือ เขตดุสิต วัดได้ 103.3 ไมโครกรัม (มคก.) เขตวัฒนา 103 มคก. เขต บางกอกใหญ่ 102.9 มคก. เขตบางกอกน้อย 102.8 มคก. และเขตพระนคร 102.7 มคก. ส่วน 8 เขตพื้นที่ที่เหลือคุณภาพอากาศสีส้ม ระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ
จิสด้ารายงานภาพรวมประเทศไทยพบค่าคุณภาพอากาศในระดับมีผลกระทบ ต่อสุขภาพเพียงจังหวัดเดียวคือ กรุงเทพมหานคร อยู่ที่ 77.7 มคก. และระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพพบเกินครึ่งของประเทศ โดย 5 อันดับแรกคือ จ.นนทบุรี 67.9 มคก. จ.สมุทรปราการ 67 มคก. จ.ปทุมธานี 61.5 มกค. จ.สมุทรสาคร 58.7 มคก. และ จ.สิงห์บุรี 57.9 มคก.
แอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” คาดการณ์ฝุ่น PM 2.5 ตลอดทั้งวันพบหลายพื้นที่มีค่าคุณภาพอากาศที่อยู่ในระดับส้ม ต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง ป้องกันผลกระทบ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ
สอดคล้องกับ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม.รายงานค่า PM2.5 ในกรุงเทพฯ เวลา 11.00 น. มีค่ามากกว่า 75 มคก.ขึ้นไป อยู่ระดับสีแดง มีผลกระทบ ต่อสุขภาพ 20 เขตคือ คลองสามวา ทวีวัฒนา ธนบุรี บางกอกน้อย บางเขน บางบอน บางพลัด บึงกุ่ม ประเวศ ลาดกระบัง หนองแขม หนองจอก คันนายาว ตลิ่งชัน บางนา ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย มีนบุรี ยานนาวา หลักสี่ และแนวโน้มเพิ่มขึ้น พร้อม แจ้งเตือนใน LINE ALERT
นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์ค่า PM2.5 ใน กทม. และปริมณฑลแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เช่นเดียวกับ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์แนวโน้ม การระบายอากาศบริเวณ กทม. และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ ว่าการระบายอากาศอ่อน ประกอบกับอากาศใกล้พื้นผิวมีลักษณะปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ระหว่างวันที่ 10-13 กุมภาพันธ์ มีจุดเผาจำนวนมากในไทยทั้งบริเวณภาคกลางและอีสาน (3,241 จุด) และกัมพูชา (14,939 จุด)
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศให้หน่วยงานในสังกัด กทม. และขอความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ- เอกชน 151 แห่งจำนวน 60,279 คน ให้ทำงานที่บ้าน หรือเวิร์ก ฟรอม โฮม (WFH) วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม.ยังเปิดตามปกติ เนื่องจากโรงเรียนเป็นพื้นที่ Safe Zone ที่ทำห้องเรียนปลอดฝุ่นป้องกันฝุ่นให้นักเรียน มีการแจกหน้ากากอนามัย และกำหนดแนวทางปฏิบัติ เช่น งดกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของผู้บริหารในพื้นที่
ขณะที่ พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ออกหนังสือสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวด และดำเนินมาตรการตามแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร โดยใช้มาตรการ 11 ข้อ อาทิ เข้มงวดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภท ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) ใช้รถเท่าที่จำเป็น ไม่ขับดับเครื่อง ควบคุมสถานประกอบกิจการในพื้นที่ไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ทำ Big Cleaning บริเวณสถานที่ก่อสร้างและแพลนท์ปูน รวมถึงงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทุกประเภท เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท เป็นต้น
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 ก.พ. 2567