นวัตกรรมชูคุณภาพชีวิตคนเมืองจาก ‘ทราฟฟี่ ฟองดูว์’ ถึงแผนที่จัดการความเสี่ยง

[email protected]

พื้นที่ความเป็นเมืองของกรุงเทพ มหานคร มีความสลับซับซ้อนของปัญหา ทั้งสิ่งแวดล้อม เช่นปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ปัญหาสังคมผู้สูง อายุ แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องการ นวัตกรรม เทคโนโลยี และงานวิจัย เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยา ศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน “ตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง” ระหว่างวันที่ 1-3 ก.พ. ที่ ผ่านมา ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ มหานคร วัตถุประสงค์จุดประกายนำวิจัยและนวัตกรรมต่อยอดแก้ปัญหาให้คนเมือง โดย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มาเป็นประธานเปิดงาน “ตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง” จัดแบ่งเป็น 3 โซนที่สำคัญ ได้แก่ 1.เมืองนวัตกรรมการเรียนรู้ (Learning City) บอก เล่าย่านสุขภาพ ย่านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ ย่านการศึกษาและการเรียนรู้ ย่านเศรษฐกิจและชุมชน และย่านการจัดการเมืองและการมีส่วนร่วม 2. เมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (Smart and Livable City) 3.เมือง นวัตกรรมสำหรับทุกคน (Innovative City for All) เพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต

นวัตกรรมยกระดับสิ่งแวดล้อม

สุขภาพ สังคม

ตัวอย่าง สำหรับงานตลาดนัดนวัต กรรม 3 มุมเมือง อว. ได้นำผลงานนวัตกรรมจำนวนมากมาแสดง เช่น 1. ด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติมีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ วัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และ PM 10 แบบเซ็นเซอร์ มีอุปกรณ์ตรวจวัดการสั่นสะเทือนโครงสร้างอาคารและระบบแจ้งเตือนภัย เพื่อทำให้ชาวกรุงเทพฯ อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยขึ้น 2. ด้านสุขภาพ มีย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี เป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนด้านการแพทย์และมีการทำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลเพื่อทำให้การดูแลและส่งต่อผู้ป่วยทำได้รวดเร็วและสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้ ดีขึ้น

3. ด้านสังคม มีแอปพลิเคชันบริการรถแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุ, มีต้นแบบเผย แพร่วัฒนธรรมไทย-จีนจากมุมมองของคน 3 ช่วงวัย เพื่อให้เมืองดูแลกลุ่มเปราะบางได้ครอบคลุม 4. ด้านเศรษฐกิจ มีแอปพลิเคชันระบบบัญชีอัจฉริยะ, มีแพลตฟอร์มข้อมูลชี้เป้าครัวเรือนยากจน เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาแบบพุ่งเป้าเบ็ดเสร็จ 5. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ มีแอปพลิเคชันคัดกรองเด็กที่มีความลำบากในการอ่าน เพื่อเพิ่มสัมฤทธิผลทางการศึกษาของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินงานต่อไป

เมืองน่าอยู่ต้องไม่น่ากลัว

สำหรับคนทุกกลุ่ม

ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ทางกรุงเทพมหานคร ได้นำแอปพลิเคชันของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด อว. อย่างทราฟฟี่ ฟองดูว์ (Traffy Fondue) แพลตฟอร์มรับเรื่องร้องเรียน ที่ประชาชนทุกคนสามารถแจ้งปัญหาที่เจอ โดยได้นำมาพัฒนาปรับการทำงานของสำนักงานเขต เมื่อมีปัญหาประชาชนสามารถแจ้งมา ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามแก้ไขได้ระยะอันสั้น นอก จากนี้ยังนำนวัตกรรมด้านสุขภาพมา ตัวอย่างของย่านโยธีเป็นการทำงานเชื่อมร้อยใน 3 ลักษณะ คือชุมชน คลินิกอบอุ่น รพ.ของมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทย์มาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้การแลกเปลี่ยนดาต้าเบสซึ่งกันและกัน จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรม ตลอดจนข้อมูลด้านจัดการความเสี่ยง

“กรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนที่ความเสี่ยงขึ้น เพื่อจะบ่งบอกได้ว่าพื้นที่ตรงจุดไหนมีความเสี่ยง เป็นพื้นที่เปราะบาง ซึ่งการทำข้อมูลแบบนี้ต้องอาศัยนักวิจัยที่จะทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบันซึ่ง อว.ได้ให้ทุนจัดสรรเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนเพื่อติดตามเรื่องแผ่นดินไหวตามอาคารสูงในกรุงเทพฯ ในอนาคตจะกระจายให้ครอบคลุมพื้นที่ ซึ่งตอนนี้พื้นที่มีความอ่อนไหวสูงอย่าง รพ. 12 แห่งในเขต กทม. จำเป็นต้องติดเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน”รองผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวต่อว่า กรุงเทพมหานครสนับสนุนให้เกิดสินค้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ ที่ผ่านมาอว.ได้ให้ทุนสนับสนุนเพื่อพัฒนาสินค้าเหล่านี้มีมูลค่าเพิ่ม และมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ซึ่งงานวิจัยเข้ามาช่วยให้เกิดมุมมองที่มากกว่าปกติ และมองไปในอนาคตในด้านการศึกษาอยากเห็นเด็กใน กทม.มีความสุขในการเรียน ซึ่ง อว.จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยระดับครูให้มีศักยภาพ

“การเป็นเมืองที่น่าอยู่ อย่างชาญฉลาดต้องไม่ทำให้เมืองน่ากลัวสำหรับคนทุกกลุ่ม ดังนั้นนักวิจัยแต่ละกลุ่มเขารู้ว่าต้องการให้เมืองมีความฉลาดแบบไหน ต้องใช้เทคโนโลยีแบบไหน ทำให้คนมีความรู้สึกว่าเมืองน่ารัก เมืองมีความสุข”รองผู้ว่าราชการ กทม. ให้ภาพความเป็นเมืองแห่งความสุข ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมในการขับเคลื่อน

ดาต้าสำคัญช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด

“ข้อมูลที่ปัจจุบันที่ยังไม่มีการจัดเก็บหรือยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ดี ทำให้ขาดข้อมูลที่สามารถสะท้อนถึงสุขภาพเมือง ไม่สามารถคาดการณ์อนาคต ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด จำเป็นต้อง มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ การพัฒนาทักษะฝีมือ เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มคุณภาพการศึกษา เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม การป้องกันภัยพิบัติ” รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนัก งานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เน้นย้ำถึงบทบาทการทำงานร่วมกันของ 2 หน่วยงาน

ที่ผ่านมา กทม. ทำงานร่วมกับ อว. ในรูปแบบ Bangkok City Lab ในการนำโจทย์ความต้องการมาจับคู่กับผลงานวิจัยของ อว. ผ่านหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยา ศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

“กรุงเทพมหานครเริ่มต้นสำเร็จ จะจุดประกายและเป็นโมเดล ให้หน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศที่ต้องการยกระดับการทำงานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ได้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น มีความสามารถในการรับมือ ปรับตัว และ ฟื้นตัวจากวิกฤติต่าง ๆ ได้” ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวทิ้งท้าย.

 

บรรยายใต้ภาพ

ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา

 



ที่มา:  นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ก.พ. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200